Home ทิปเทคนิค หมวกกันน็อก มีแบบไหนบ้าง?

หมวกกันน็อก มีแบบไหนบ้าง? [สาระนักบิด]

0

หมวกกันน็อก มีแบบไหนบ้าง? [สาระนักบิด]

หมวกกันน็อก ทุกวันนี้มีแบบไหนบ้าง คือประเด็นที่เราจะมาพูดกันในโพสต์นี้นะครับ ทุกวันนี้มีหมวกกันน็อกหลากหลายแบรนด์ ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์เทศ แต่ท้ายที่สุดก็จะมีหมวกอยู่ทั้งหมด 6 แบบเท่านั้น

หมวกกันน็อกนั้นจะมีด้วยกัน 6 แบบดังนี้

  1. แบบเต็มใบหรือฟูลเฟซ (Full face)
  2. แบบยกคางหรือโมดูลาร์หรือฟลิพอัพ (Modular or Flip-up)
  3. แบบเปิดหน้า หรือเปิดคางหรือโอเพ่นเฟซ (Open face)
  4. แบบดูอัลสปอร์ตหรือแอดเวนเจอร์หรือทัวริ่ง (Dualsport, crossover, ADV, hybrid, enduro)
  5. แบบออฟโร้ดหรือโมโตครอส (Off-road or motocross)
  6. แบบครึ่งใบ (Half)

นักบิดมือใหม่อาจจะสับสนได้บ้างเพราะบางแบบนั้นมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่จริงๆ แล้วหมวกแต่ละแบบ แต่ละประเภทก็จะใช้งาน หรือมีจุดเด่นแตกต่างกันไป และวันนี้เราก็จะมาแนะนำข้อดีข้อด้อยของแต่ละแบบให้แฟนๆ SuperBike Thailand กันครับ

 

แบบเต็มใบหรือฟูลเฟซ

หมวกกันน็อกแบบเต็มใบหรือแบบฟูลเฟซนั้นเป็นหมวกกันน็อกที่ป้องกันศีรษะได้รอบด้านทั้งด้านบน ด้านหลังหรือท้ายทอย และด้านหน้า ซึ่งบริเวณตานั้นก็จะป้องกันได้น้อยหน่อยเพราะจำเป็นต้องเว้นไว้ติดตั้งไวเซอร์หรือชิลด์หมวกเพื่อใช้มองนั่นเอง หมวกเต็มใบจะต่างจากหมวกแบบเปิดหน้าหรือเปิดคาง ก็ต้องมีส่วนที่ป้องกันบริเวณคางด้วยนั่นเอง ซึ่งทางข้อมูลสถิติระบุไว้ว่ากว่า 45% ของการกระแทกที่หมวกกันน็อกเกิดขึ้นที่ส่วนคาง ดังนั้นหมวกแบบเต็มใบจะปลอดภัยมากกว่า

หมวกกันน็อกในแบบเต็มใบนั้นจะเหมาะกับการขับขี่ในแบบสปอร์ต ซึ่งมักจะเป็นการหมอบหรือค่อมหลัง โดยหมวกแบบเต็มใบจะมีส่วนของคางที่สูงกว่าและช่องมองจะมีองศาเชิดขึ้นไปด้านบนของหมวกเล็กน้อย ช่องลมของหมวกจะอยู่ที่บริเวณใกล้ๆ ด้านบนของศีรษะเพื่อให้สามารถรับอากาศได้มากที่สุดเวลาที่หมอบ นอกจากนี้ทรงของหมวกจะถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งจะช่วยให้หมวกนั้นกินลมน้อยลงเวลาขับขี่ และป้องกันหมวกยกตัวเวลาขับขี่ที่ความเร็วสูงๆ

สรุปง่ายๆ คือมีข้อดีเรื่องความปลอดภัยที่มีมากที่สุดจากการป้องกันศีรษะได้รอบด้าน ไปจนถึงส่วนคางด้วย แต่ข้อเสียก็คือจะการระบายอากาศ เพราะเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูงก็จำเป็นจะต้องปิดไวเซอร์หรือชิลด์ก็จะเริ่มเกิดปัญหาเรื่องการระบายอากาศ เกิดความร้อนขึ้นในหมวก และมีเหงื่อออกจำนวนมาก

ดังนั้นเวลาเลือกซื้อ ถ้าเลือกได้ให้เลือกซื้อหมวกที่สามารถถอดนวมหมวกซักได้ หรือมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียเพื่อลดและป้องกันกลิ่นอับในหมวกกันน็อกได้จะเป็นการดี ส่วนเรื่องของชิลด์ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เลือกที่มีคุณสมบัติกันรังสี UV และถนอมสายตา ไม่ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยน ไม่ควรเลือกจากสีสันเอาแต่ความสวยความหล่อเพียงอย่างเดียวครับ และสุดท้ายคือเรื่องของฝ้า เพราะหมวกกันน็อกนั้นเกิดฝ้าได้ง่ายจากความชื้นและลมหายใจอุ่นๆ ของเรา โดยเฉพาะขณะอากาศเย็น ฝนตก ดังนั้นให้หาหมวกที่มีช่องหายใจซึ่งไม่ไปกระทบกับชิลด์ด้านหน้าโดยตรงซึ่งจะทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้ หรือหาหมวกที่รองรับระบบพินล็อก Pinlock ซึ่งจะเป็นแผ่นแปะด้านในชิลด์หมวกอีกทีช่วยป้องกันฝ้าได้ครับ

 

แบบยกคางหรือโมดูลาร์หรือฟลิพอัพ

หมวกแบบนี้เป็นหมวกสุดล้ำคล้ายๆ กับการแปลงร่างของหุ่นยนต์ออพติมัสไพรม์เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเราสามารถยกส่วนที่ป้องกันคางขึ้นไปไว้ด้านบนได้ ช่วยให้หมวกแบบเต็มใบกลายเป็นหมวกแบบเปิดหน้าหรือเปิดคาง

หมวกยกคางเป็นที่นิยมสำหรับไบค์เกอร์สายแอดเวนเจอร์และสปอร์ตทัวริ่ง เนื่องจากมัมมีความคล่องตัวในการใช้งาน ช่วยให้สามารถกินอาหารหรือสูบบุหรี่ หรือพูดคุยกับคนอื่นๆ ได้สะดวกง่ายดายกว่าการถอดหมวกออกอย่างมากเพียงแค่ยกคางขึ้นไปไว้ด้านบน

อย่างไรก็ดี เราไม่แนะนำว่าให้ขับขี่ขณะที่เปิดหมวกอยู่ เนื่องจากอาจจะมีปัญหาหรือเกิดอันตรายได้หากว่าส่วนคางนั้นตกลงมาขณะขับขี่ แม้ว่าจะมีกลไกล็อกไว้ก็ตาม ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดครับ นอกจากนี้การเปิดหมวกขณะขับขี่จะทำให้กินลมมากขึ้นอีกด้วยครับ ดังนั้นใช้เฉพาะตอนแวะพักหรือจอดข้างทางจะดีกว่าครับ

ข้อด้อยอย่างนึงของหมวกแบบนี้คือจะมีความปลอดภัยน้อยกว่าหมวกแบบเต็มใบ เพราะการมีกลไกในการยกคางขึ้น กลไกตรงส่วนนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนของหมวกเวลาเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงอาจจะเสียหายและส่วนคางหลุดได้ อย่างไรก็ดีหมวกแบบนี้ยังคงปลอดภัยกว่าหมวกแบบเปิดคางหรือเปิดหน้า หรือหมวกแบบครึ่งใบอยู่ดีนั่นแหละครับ

 

แบบเปิดหน้าหรือเปิดคาง

หมวกแบบนี้เป็นที่นิยมมากในกลุ่มของนักบิดสไตล์ครูเซอร์หรือสกู๊ตเตอร์ โดยโครงสร้างแบบ 3 ส่วน 4 ของหมวกแบบเปิดหน้าหรือเปิดคางให้ฟีลลิ่งในสไตล์วินเทจได้ดี และเข้ากับการขับขี่รถบนท้องถนนทั่วไป

เมื่อเปรียบเทียบกับหมวกแบบเต็มใบแล้ว เมื่อมองในเชิงโครงสร้างนั้นมีความปลอดภัยใกล้เคียงกัน เพราะปกติแล้วตัวหมวกมักจะใช้วัสดุและนวมหมวกเพื่อซับแรงกระแทกแบบเดียวกัน ทว่าการที่มันเปิดหน้านั่นหมายความว่าจะให้การป้องกันที่ด้านหน้าขาดหายไป โดยเฉพาะการที่มันไม่มีส่วนคาง และบางกรณีอาจจะไม่มีชิลด์หน้าอีกด้วย ดังนั้นความปลอดภัยก็จะต่างกันในส่วนนี้ครับ

แต่ข้อดีของมันก็คือการรับลมที่ดีกว่า แต่ส่วนนี้ก็เป็นข้อเสียในตัวเวลาที่เจอกับฝนหรือฝุ่น ถ้าหมวกมีชิลด์หน้าแบบเปิดปิดได้ก็อาจจะปิดลงมาช่วยกันได้ แต่ก็อาจจะต้องการผ้าบัฟหรือผ้ามาปิดปากและจมูกมาช่วยในส่วนนี้ แต่ถ้าหมวกไม่มีชิลด์ล่ะก็อาจจะอันตรายมากหน่อยหากสภาพอากาศแย่ คุณอาจจะต้องพึ่งพาแว่นกันแดดหรือก็อกเกิลเพื่อช่วยป้องกันดวงตาของคุณ

 

แบบออฟโร้ดหรือโมโตครอส

หมวกแบบนี้แตกต่างจากหมวกแบบเต็มใบทั่วไปตรงที่การมีปีกหมวกกันแดดและส่วนคางที่ยื่นออกไปด้านหน้า เนื่องจากการขับขี่บนทางฝุ่นนั้นต้องใช้กำลังกายจากนักบิดสูงมาก และมักจะเป็นในบริเวณที่มีอากาศร้อนกว่า ดังนั้นหมวกโมโตครอสจึงออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาและมีการระบายอากาศสูงสุด

หมวกกันน็อกแบบนี้จึงไม่เหมาะกับการขับขี่บนทางหลวง ไฮเวย์ อันเนื่องมาจากคุณสมบัติของมัน มันกันเสียงรบกวนได้น้อย กินลม เกิดเสียงลมในหมวกมากจนน่ารำคาญได้ นอกจากนี้ตัวปีกหมวกด้านบนยังทำหน้าที่กินลมคล้ายว่าวอีกต่างหาก แต่หากคุณขี่เข้าป่าหรือลุยทางฝุ่นเจ้าใบนี้กลับทำหน้าที่ของมันได้ดีที่สุด

หมวกแบบนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับก็อกเกิล เพราะมันไม่มีชิลด์มาให้ด้วย ก็อกเกิลนอกจากจะช่วยป้องกันดวงตาแล้วยังให้อากาศไหลผ่านหมวกได้ดี นอกจากนี้รุ่นที่มีระบบ Tear-off ซึ่งสามารถลอกฟิล์มด้านหน้าออกได้ ก็เหมาะกับการขับขี่ในบริเวณที่มีฝุ่นหรือโคลนมากๆ อีกด้วย ส่วนปีกหมวกด้านบนนั้นช่วยกันแสงแดดแยงตานั่นเอง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการป้องกันด้านบนและด้านหน้าได้อีกด้วย

 

แบบดูอัลสปอร์ตหรือแอดเวนเจอร์หรือทัวริ่ง

หมวกแบบนี้เป็นหมวกที่อยู่ตรงกลางระหว่างการขับขี่แบบออฟโร้ดและการขับขี่แบบออนโร้ด มันคล้ายกับหมวกโมโตครอส มันมีปีกหมวกกันแดดแยงตาและมีช่องระบายลมที่ดีมากๆ อย่างไรก็ตามมันรักษาความอบอุ่นได้ดีกว่าเล็กน้อย กันเสียงได้ดีกว่าเวลาขับขี่บนถนน และที่ต่างกันหมากที่สุดคือมันมีชิลด์หมวกและมีส่วนคางที่สั้นกว่า

หมวกแบบนี้ก็มีข้อดีหรือความหลากหลายในการใช้งาน ถ้าคุณสามารถใช้ขับขี่แบบออฟโร้ดก็ได้ แต่อาจจะไม่มากหรือหนักเท่าแบบโมโตครอส มันกันเสียงรบกวนได้ดีแต่ก็ยังไม่ดีเท่าแบบเต็มใบ มันออกไปทางลูกผสมที่ไม่โดดเด่นไปทางด้านในด้านนึงมากนัก

ตัวปีกหมวกของหมวกแบบนี้จะออกแบบมาให้ป้องกันการยกตัวเวลาขับขี่ที่ความเร็วสูง ดังนั้นจึงขี่บนท้องถนนได้ดี คุณอาจจะเปิดชิลด์หน้าแล้วใส่ก็อกเกิลแทนก็สามารถทำได้ มันคือหมวกที่ใช้งานได้หลากหลายตามชื่อของมัน ถ้าคุณเป็นนักบิดสายผจญภัยล่ะ ชอบลุยไปในทุกเส้นทางก็หมวกแบบนี้คือคำตอบอย่างแท้จริงครับ

 

แบบครึ่งใบ

เป็นหมวกที่มีดีไซน์ได้ถูกใจสายมินิมัล เอ้ย ไม่ใช่ ต้องบอกว่าเป็นหมวกที่ให้การปกป้องน้อยที่สุด เพราะมันป้องกันแต่ส่วนบนของศีรษะไปจนถึงครึ่งของของศีรษะเท่านั้น ก็เป็นที่นิยมในนักบิดสายครูเซอร์และวินเทจ ชาว Harley-Davidso ตลอดไปจนถึงผู้ใช้งานรถครอบครัวในแถบเอเชียหรือบ้านเรานี่ล่ะครับ

ปกติแล้วหมวกแบบครึ่งใบก็มักจะได้รับมาตรฐานมอก.อยู่แล้ว ดังนั้นก็ใส่ขับขี่ได้ไม่ต้องกลัวตำรวจจะจับ ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์หลักๆ เลยที่ผู้ที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในบ้านเราซื้อมาใส่ แต่จริงๆ มันขาดตกบกพร่องในเรื่องความปลอดภัยอย่างมากเลยทีเดียว เพราะมันป้องกันแต่ส่วนด้านบนเท่านั้น และบ่อยครั้งที่การซับแรงกระแทกนั้นทำได้ไม่ดีหรือต่ำกว่ามาตรฐานเสียด้วยซ้ำ

คุณอาจจะไม่ถูกตำรวจจับ หรือคุณอาจจะดูเท่ในบางที แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาล่ะก็ การป้องกันศีรษะควรจะเป็นสิ่งที่เราควรคำนึงถึงมากที่สุด ดังนั้นเราจึงไม่แนะนำให้ใส่หมวกแบบนี้เท่าไหร่นัก แต่หากคุณมีความจำเป็นจริงๆ ก็อาจจะขับขี่ให้ช้าลง รวมไปถึงเพิ่มความปลอดภัยจากการใส่ก็อกเกิล หรือแว่นตาช่วย หรือใส่ผ้าบัฟหรือหน้ากากช่วยป้องกันฝุ่นละอองด้านหน้า อย่างไรก็ดี ท้ายทอยคือส่วนสำคัญของคุณก็ยังเปิดอยู่รอวันที่คุณพลาดอยู่ดีนั่นแหละครับ

สุดท้ายเลือกหมวกที่ตรงกับการขับขี่และสไตล์ของเรา โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักนะครับ บทความหน้าเราจะมาแนะนำวิธีเลือกหมวกกันน็อกกันอีกทีนะครับ บทความนี้ยาวเกินไปแล้ว ขอจบแค่นี้ก่อนครับ อย่าลืมติดตาม SuperBike กันนะครับ

 

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

ติดตามเราบนแฟนเพจคลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version