Home รีวิวและทดสอบ รีวิว Yamaha YZF-R7 ซูเปอร์สปอร์ตคันใหม่ ที่ไฉไลกว่าที่คิด

รีวิว Yamaha YZF-R7 ซูเปอร์สปอร์ตคันใหม่ ที่ไฉไลกว่าที่คิด

0
รีวิว Yamaha YZF-R7

รีวิว Yamaha YZF-R7 ซูเปอร์สปอร์ตคันใหม่ ที่ไฉไลกว่าที่คิด

เปิดตัวมาที่ประเทศไทยไม่นาน ยามาฮ่าก็รีบรุดจัดงานให้สื่อได้ทดสอบและ รีวิว Yamaha YZF-R7 กันแบบจัดเต็มกันถึงที่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ แม้ว่าในช่วงที่ทดสอบอาจจะทดสอบกันได้อย่างไม่ถึงพริกถึงขิงมากนักเพราะมีฝนโปรยปรายลงมาตลอดทั้งวัน แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีได้ทดสอบกลางสายฝนให้ได้รู้ว่าช่วงล่างนั้นดีแค่ไหน

ขอเกริ่นตรงนี้ก่อนว่า “เจ้าอาร์เซเว่นคันนี้ทางค่ายจัดให้มันเป็นซูเปอร์สปอร์ตไบค์ระดับกลางคันใหม่ของทางค่าย จะเรียกว่ามาแทนที่ R6 เลยก็น่าจะใช้เพราะตอนนี้ R6 ไม่ผลิตขายทั่วไปแล้ว แต่ขายในฐานะรถแข่งแทน ดังนั้นคนที่อยากได้ซูเปอร์สปอร์ตไบค์อาจจะต้องหันมาดูคันนี้แทน”

ปราดเปรียวสไตล์ซูเปอร์สปอร์ต

เรื่องของรูปร่างหน้าตานั้น สำหรับผม ผมมองว่ามันมีด้านหน้าที่โดดเด่น ดูเท่ ด้วยไฟแบบโมโนโฟกัสแบบเดียวกับรถเน็กเก็ตไบค์ในตระกูล MT-Series ของทางค่าย ซึ่งไฟหน้าดวงเดียวนี้เป็นทั้งไฟต่ำและไฟสูงในดวงเดียวกันนี้ ส่วนด้านข้างที่เป็นริ้วเล็ก ๆ จะเป็นไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ขณะที่อีกจุดเด่นนึงคือไฟท้ายที่ออกแบบคล้ายกับพี่ใหญ่อย่าง R1 เลยทีเดียว 

หน้าจอเรือนไมล์แบบ LCD แสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ได้ครบถ้วน กระทั่งเลขบอกเกียร์ อัตราการสิ้นเปลืองเรียลไทม์หรือแบบโดยเฉลี่ย ทั้งยังให้ความคมชัดทุกสภาพแสง

แฟริ่งของตัวรถถูกออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องของอากาศพลศาสตร์ และด้วยขนาดของเครื่องยนต์แบบสองสูบเรียงที่เล็กลงมาเมื่อเทียบ R6 มิติของตัวรถเวลาดูแล้วจะรู้สึกว่าไม่ใหญ่ ดูกะทัดรัด ดูแล้วน่าจะขี่ได้ง่าย ยอมรับเลยว่าสวยลงตัวจริงๆ 

คล่องตัวทุกการขับขี่

 

สำหรับท่านั่งการขับขี่ผมขอพูดถึงเยอะหน่อยนะครับ เพราะถือเป็นจุดที่หลาย ๆ คนสงสัยกันมาก ส่วนตัวรู้สึกได้ว่าออกแบบมาได้ดีมาก ๆ มีความกระชับเวลานั่ง เพราะตัวถังออกแบบมาให้เว้าเวลาเราใช้ขาหนีบถังเพื่อคอนโทรลรถในโค้ง อีกทั้งเวลานั่งแล้วหัวเข่าอยู่ในตำแหน่งขององศาที่พอดี ไม่ชันเข่ามากจนเกินไป และไม่ได้ต่ำจนเกินไป ให้มิติท่านั่งที่ลงตัว เวลาเข้าโค้งในสนามสามารถขยับสรีระได้อย่างคล่องตัว 

ระดับและองศาของแฮนด์จับโช้คที่ออกแบบมาก็ทำได้พอดี ไม่ได้เหมือนสูงเหมือน R3 แต่ก็ไม่ได้ต่ำจนเท่า R6 ตรงนี้ออกแบบมาได้ลงตัว ตอนที่ทดสอบในสนามช้าง ก็ไม่ต้องหมอบมากจนปวดหลัง โดยยังคงแอบให้ความสบายอยู่นิดหน่อย ทว่าก็ไม่ทิ้งความรู้สึกของการขับขี่แบบเรซซิ่งไปด้วยในตัว 

ซึ่งเรื่องของท่านั่งใหม่นี้ช่วยให้ขับขี่ได้นานมากขึ้นเวลาขับขี่ในชีวิตประจำวัน พอจะขับขี่ในสนามก็ปรับตัวเราเอง โดยถอยออกมาหน่อย แค่นั้นก็หมอบได้อย่างสบาย ๆ สไตล์เรซซิ่งแล้วล่ะ 

มาพูดถึงสไตล์น่านั่งแบบเรซซิ่งจ๋า ๆ ขี่ในสนาม ตรงนี้อย่างที่บอกข้างต้น ถอยชิดแล้วหมอบให้สุด ก็ช่วยให้หลบลมได้มากขึ้น และทำความเร็วได้ดีในทางตรง แต่ถ้าจะเลี้ยวก็ต้องมีการเท การโหนรถกันบ้างเป็นปกติ 

ในครั้งนี้ฝนตกพายุเข้า ถือโอกาสได้ลองเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงจังหวะเลี้ยว ก็ถือว่าช่วงเบาะ และช่วงเว้าของถังออกแบบมาไว้เพื่อการนี้ มีส่วนเว้าของตัวถังน้ำมันรองรับช่วงหัวเข่าพอดีทำให้เกิดจุดล็อกพอดี เวลาโหนรถก็จะทำได้ง่าย ไม่ลำบากและไม่เสียตำแหน่งการบาลานซ์ตัวรถที่ดีที่สุดไป ถ้าใครจะซื้อมาขี่สนามก็ปรับท่านิดหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ

ถึงเครื่องจะเดิม แต่เพิ่มเติมในรายละเอียดพื้นฐานเครื่อง CP2 สองสูบเรียงขนาด 689 ซีซี ไม่ใช่เครื่องอื่นเครื่องไกลจากไหน มันคือเครื่องยนต์ MT-07 นั้นเอง ที่ได้นำมาปรับแม็ปการจ่ายน้ำมันและอากาศใหม่ โดยมีแรงม้า (เคลม) 74.8 แรงม้าที่ 8,750 รอบต่อนาทีและแรงบิด (เคลม) 67 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที 

นอกจากนี้ยังมีการปรับอัตราการทดเกียร์ใหม่ให้มีระยะช่วงเกียร์ที่ยาวขึ้นในช่วงเกียร์ 2 พร้อมกับติดตั้งระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์มาให้อีกด้วย

ฟีลลิ่งการขับขี่เครื่องยนต์ตัวนี้ ให้กำลังที่มาในช่วงต้นกลางอย่างเห็นได้ชัด เกียร์ 2 ลากได้ยาวและเกียร์ 5 ก็สามารถทำความเร็วก็ทะลุ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้สบายๆแล้ว แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่ท็อปสปีดของเครื่องยนต์ตัวนี้แน่นอนเพราะวันที่ทดสอบฝนตกแทร็กเปียก แต่คิดว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ปรับจูนมาใหม่ทำงานได้นิ่งและเสถียร ทั้งการเดินของรอบเครื่องยนต์ และการเปิดคันเร่งทำได้ดีเลย ขี่สนุก บิดเร่งแซงสบาย ๆ 

มาพูดถึงการทำงานของแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์บ้าง ซึ่งเจ้าระบบนี้ช่วยในหลายโค้งเลยอย่างเช่น โค้ง 12 ที่ทำความเร็วมา 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วเชนเกียร์จากไล่ลงมาจาก 5-4-3-2 ตัวรถแทบจะไม่มีอาการสบัดเท่าไร เพราะระบบช่วยหน่วงแรงเอ็นจิ้นเบรกของรถ ช่วยไม่ให้รถเสียอาการ ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญเลย ยิ่งขับขี่บนท้องถนนในส่วนนี้จะช่วยเครื่องความปลอดภัยได้มากอีกด้วย 

ช่วงล่างมาดี

 

 

สำหรับเรื่องช่วงล่างถือว่าดีเลย สำหรับโดยด้านหน้าจะให้โช้คหัวกลับ KYB ขนาด 41 ม.ม. มาเลย สามารถปรับตั้งค่าได้ครบถ้วน ซึ่งตรงนี้จะอัปเกรดเพิ่มเติมมาต่างจาก MT-07 ที่เป็นเหมือนแฝดคนละฝา นอกจากนี้โช้คก็ปรับเซ็ตมาจากโรงงานให้เหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ตอีกด้วย ส่วนโช้คหลังก็จะเป็นโช้คเดี่ยว KYB และกระเดื่องที่สามารถปรับพรีโหลดและรีบาวด์ได้ 

 

ในส่วนของระบบเบรกด้านหน้าก็จะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่และคาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์พร้อมกับมือเบรกแบบเรเดียลจาก Brembo อีกด้วย ตรงนี้ผิดคาดมาก ๆ เช่นกัน และเป็นอีกจุดที่อัปเกรดให้ดีกว่า MT-07 ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เดี่ยว พร้อมระบบเบรก ABS ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ตอนที่ทดสอบนั้นรถมาอย่างไรผมก็ขี่ไปแบบนั้นเลย ฝนตก แทร็กเปียก ก็ทำฟีลลิ่งออกมาได้อย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงระบบเบรกหน้าที่ให้มาก็ให้ฟีลลิ่งที่นุ่มนวล เบรกอยู่ ในความเร็วสูงสุดช่วงที่มาจากโค้ง 1 – 3 เบรกที่ความเร็ว 190-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง แม้ฝนจะตกแทร็กจะเปียกก็ยังทำระยะเบรกได้ดี ช่วงล่างไม่เด้ง ไม่สับ ไม่ยัน ฟีลลิ่งกำเบรกก็นุ่มนวล 

สำหรับระบบช่วงล่างตรงนี้คิดว่าถูกใจคนใช้งานในชีวิตประจำวัน และถ้าได้ปรับเซ็ตให้เหมาะสมกับแต่ละคนก็จะต้องถูกใจสายสนามได้อย่างแน่นอน 

สรุป ถูกใจ สายไหน?? 

สำหรับการ รีวิว Yamaha YZF-R7 ครั้งนี้ ขอแยกการแนะนำว่าเหมาะกับใครเป็นสายแล้วกันนะครับ เพราะเราเชื่อว่าคนที่รถคันนี้จะมีอยู่ 2 สายด้วยกันคือ สายสนามและสายถนน ซึ่งก็ทำได้ดีทั้งในสองรูปแบบการขับขี่

ผมเชื่อว่า 40% เหมาะกับสายสนาม – ต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะว่ามันคือซูเปอร์สปอร์ตเจนเนอเรชั่นใหม่ของตระกูล R-Series เอาง่าย ๆ คือยังสดใหม่อยู่ ช่วงล่าง กำลังเครื่องยนต์ เหมาะสำหรับระดับแทร็กเดย์ ซื้อไปเซทตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย ก็ขี่ได้อย่างสนุกแล้วได้ฟีลลิ่งเรซซิ่งเลยละ 

ผมเชื่อว่า 60% เหมาะกับสายถนน อันนี้สบายบรื๋อ ท่านั่งก้มตัวนิดหน่อยก็หล่อได้ ช่วงล่างฟังก์ชั่นครบ มิติตัวรถ ออกแบบมาได้ดีมุดง่ายคล่องตัว ส่วนกำลังเครื่องยนต์ มีให้ใช้งานในเมืองเหลือเฟือ ตรงนี้ก็ตอบโจทย์ 

 

สรุปภาพรวมคันนี้ 

ถือว่ามีความคุ้มค่าอยู่พอสมควร โดยมีทั้งความสดใหม่ มิติตัวรถที่เล็กและเบา ช่วงล่าง เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาภายใต้รายละเอียดของตระกูล R-Series ตอบโจทย์สายสปอร์ตเป็นแน่ รวมไปถึงราคาที่เปิดจำหน่าย 339,000 บาท จะเป็นราคาที่จะทำให้ใครหลาย ๆ ขยับซีซีของรถตัวเองขึ้นมา ถือเป็นซูเปอร์สปอร์ตคันใหม่ที่จับต้องได้ง่ายอีกด้วย ต้องบอกเลยว่า YZF-R7 มาได้อย่างแน่นอน..!!

Yamaha YZF-R7 2021 สเปก และรายละเอียดต่างๆ

เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 689 ซีซี
แรงม้า (เคลม) 74.8 แรงม้าที่ 8,750 รอบต่อนาที
แรงบิด (เคลม) 67 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที
ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 80.0 X 68.6 ม.ม.
อัตราส่วนการอัด 11.5:1
ระบบเกียร์ 6 สปีด
ระบบจุดระเบิด TCI
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดไฟฟ้า
ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า
ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
ยางหน้า 120/70-ZR17″ แบบไม่ใช้ยางใน
ยางหลัง 180/55-ZR17″ แบบไม่ใช้ยางใน
ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับขนาด 41 ม.ม. ระยะยุบ 130 ม.ม.
ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คหลังเดี่ยวและกระเดื่อง ระยะยุบ 130 ม.ม. ปรับพรีโหลดและรีบาวด์ได้
เบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่ขนาด 298 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกและระบบเบรก ABS
เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 ม.ม. คาลิเปอร์เบรก และระบบเบรก ABS
ยาว X กว้าง X สูง 2,070 X 706 X 1,161 มม.
ระยะฐานล้อ 1,394 มม.
ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 135
ความสูงเบาะ 836
น้ำหนักรถ 188 กก.
ความจุถังน้ำมัน 13 ลิตร
ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA
เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS
ระบบแอสซิสต์แอนด์สลิปเปอร์คลัตช์

 

อ่านข่าว Yamaha อื่นๆ คลิกที่นี่

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version