spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

รีวิว Yamaha Tracer 9GT สปอร์ตทัวริ่งสายหล่อตัวแรง 

รีวิว Yamaha Tracer 9GT สปอร์ตทัวริ่งสายหล่อตัวแรง 

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

สบโอกาสดีสักทีกับการได้ไปลองขับขี่เจ้ารถสปอร์ตทัวริ่งตัวใหม่อย่าง Tracer 9GT วันนี้ ทาง SuperBike Thailand ได้มีโอกาสเข้าร่วมการทดสอบเจ้ารถสปอร์ตทัวริ่งคันนี้กับทางยามาฮ่าไรเดอร์สคลับ ในกิจกรรม Trip and Test สำหรับการขับขี่ ไป-กลับ โดยเริ่มจุดสตาร์ทจากศูนย์บริการและโชว์รูมยามาฮ่าไรเดอร์สคลับ @ เกษตรนวมินทร์ กรุงเทพฯ ไปจนถึง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งรวมระยะทางไป-กลับทั้งหมด ประมาณ 300 กิโลเมตร จะเป็นอย่างไรบ้าง เรามี รีวิว Yamaha Tracer 9GT ให้ชมกัน

หล่อล้ำพรีเมียม

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

ในเรื่องของรูปโฉมการดีไซน์นั้นสำหรับเจ้าเทรเซอร์คันนี้ถือว่ามีดีไซน์ที่ดูสปอร์ตดุดันและปราดเปรียว ให้ภาพลักษณ์ที่หรูหราพรีเมียมจากสีสันที่เลือกใช้ ทั้งยังมีไฟแบบ LED คู่ใหม่ที่คล้ายคลึงกับน้องเล็กพิกัด 700 ซีซี ซึ่งตอนนี้จริง ๆ แล้วก็เป็น LED เต็มระบบแล้ว ตัวรถมีชิลด์หน้าขนาดใหญ่สามารถปรับระดับได้ ทั้งตัวรถยังมีการ์ดแฮนด์น้ำหนักเบามาช่วยป้องกันลม ป้องกันเศษหินและสภาพอากาศแย่ ๆ ได้อีกด้วย

ขุมพลัง CP3 แรงทุกย่าน

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

เครื่องยนต์ 3 สูบ 4 จังหวะ 4 จังหวะต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 890 ซีซี มาพร้อมกับหัวฉีด T.C.I. และระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ซึ่งให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 117.3 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที (แรงขึ้น 4 แรงม้า)   รวมถึงแรงบิดสูงสุดที่ 93 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที โดยโมเดลรุ่นนี้ ทางยามาฮ่า ได้ยกระดับ อัพซีซีเพิ่มขึ้นจากตัวโฉมก่อน เพื่อให้มีกำลังแรงไม่ตกจากผลของข้อบังคับเรื่องไอเสีย Euro5 แต่แอบมีน้ำหนักเครื่องยนต์เบาลง 1.7 กิโลกรัม

ช่วงล่างดีสมฐานะ

รีวิว Yamaha Tracer 9GT
โช้คหน้าหัวกลับปรับไฟฟ้า จาก KYB

รีวิว Yamaha Tracer 9GT
โช้คหลังปรับไฟฟ้าจาก KYB มีรีโมตปรับพรีโหลดได้สะดวก
รีวิว Yamaha Tracer 9GTดิสก์เบรกคู่พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์ ดิสก์เบรกหลังพร้อมคาลิเปอร์เบรก Nissin

สำหรับช่วงล่างนั้นถือว่าให้ของดีมาเลย โดยระบบกันสะเทือนจะเป็นของทาง KYB โช้คด้านหน้าจะเป็นแบบหัวกลับ มีระยะยุบ 130 ม.ม. และโช้คอัพหลัง จะเป็นโช้คเดี่ยว มีระยะยุบ 137 ม.ม. ซึ่งเป็นโช้คอัพระบบไฟฟ้าทั้งด้านหน้าและหลัง ส่วนเรื่องของระบบเบรกนั้นจะเป็นดิสก์เบรกคู่ด้านหน้า ขนาด 298 ม.ม.พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์ Nissin แบบ R1 และดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหลัง ขนาด 245 ม.ม. เสริมด้วยระบบเบรก ABS เพิ่มความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น บวกกับขนาดล้อหน้า-หลังขนาด 17 นิ้ว และยางด้านหน้าขนาด 120/70 ZR17 และด้านหลังขนาด 180/55 ZR17

เทคโนโลยีแน่นเกินตัว

สำหรับทัวริ่งไซส์กลางค่อนไปทางใหญ่แบบเจ้านี่ถือว่าให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาแน่น ๆ แทบจะเกินตัวกันเลยีเดียว ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสี TFT ดีไซน์ล้ำ หน่วยประมวลผลแรงเฉื่อยแบบ 6 แกนหรือ IMU ซึ่งช่วยให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ทำงานได้ดีขึ้น เช่น แทร็คชั่นคอนโทรล สไลด์คอนโทรล ลิฟต์คอนโทรล และเบรกคอนโทรล (ซึ่งระบบทั้งหมดปรับได้อีก 3 ระดับ ยกเว้นระบบเบรกคอนโทรลนั้นปรับได้ 2 ระดับ)

สวิตช์ควบคุมครูซคอนโทรลอยู่ที่ประกับด้านซ้าย

ยังมีโหมดการขับขี่หรือ D-Mode อีก 4 โหมดให้เลือกตามสถานการณ์หรือตามความชอบ Mode 1 – Mode 4 โดย Mode 1 จะให้การตอบสนองต่อคันเร่งรวดเร็วฉับไว ให้กำลังแรงเร้าใจ และลดระดับลงมาจนถึง Mode 4 ที่น้อยที่สุดและเหมาะกับถนนที่เปียกแฉะ และแน่นอนว่าเป็นทัวริ่งจะขาดระบบครูซคอนโทรลไปไม่ได้ครับ โดยครั้งนี้เป็นโหมดติดรถมาเลย ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม โดยเริ่มทำงานได้ที่ 50 กม./ชม.ขึ้นไป และใช้เกียร์ 4 ขึ้นไป สามารถปรับระดับได้สเต็ปละ 2 กม./ชม. และยกเลิกได้ง่ายดาย เพียงแตะเบรก กำคลัตช์ หรือบิดคันเร่ง

พร้อมกันนี้ยังได้ปรับปรุงระบบคันเร่งไฟฟ้าโดยใช้เซ็นเซอร์ใหม่ Accelerator Position Sensor Grip (APSG) แบบเดียวกับที่ใช้ใน R1M ทำให้ตอบสนองได้แม่นยำมากขึ้นอีกด้วย

รีวิว Yamaha Tracer 9GT
ไฟสองดวงด้านล่างคือไฟส่องสว่างในโค้ง

ทั้งยังมีระบบอำนวยความสะดวกสบายอย่างอุ่นมือหรือฮีตกริป และระบบไฟคอร์เนอริ่งไลท์ เพิ่มทัศนวิสัยเมื่อเข้าโค้ง องศาเอียงตัวรถมากกว่า 7 องศาและมีความเร็วอย่างน้อย 5 กม./ชม.ไฟนี้ก็จะส่องสว่างขึ้น

ฟีลมันซิ่งแถมยังคุ้มค่า

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

เรียกได้ว่าเป็นรถสปอร์ตทัวริ่งที่ดีที่สุดในปี 2023 สำหรับ Yamaha Tracer 9GT รุ่นนี้ เรามาพูดถึงฟีลลิ่งการขับขี่กันดีกว่า สิ่งแรกเลยก็คือ ท่านั่งการขับขี่ ที่ให้ความเป็นสปอร์ตทัวริ่ง สำหรับตำแหน่งท่านั่งไม่ได้ไกลจากแฮนด์มาก ทำให้ท่านั่งตรง ไม่ปวดหลัง และคอนโทรลรถได้อย่างสบาย ๆ

ส่วนตำแหน่งการวางเท้า ซึ่งเวลานั่งแล้วจะรู้สึกชันเข่าเล็กน้อย เพราะตัวรถนั้น ดีไซน์ออกมาให้ผสมผสานระหว่างความเป็นทัวริ่งและสปอร์ต บวกกับตำแหน่งแฮนด์บาร์ไม่ได้กว้างมากจนเกินไป ทำให้การขับขี่ในช่วงรถติด การเลี้ยวโค้งทำได้ดี โดยรวมแล้ว ท่านั่งการขับขี่ ระยะแฮนด์ ตำแหน่งการวางเท้า การเข้าเกียร์ เหมาะเจาะสำหรับสายเดินทางไกลผสมความเป็นสปอร์ตไปในตัวด้วยครับ

รีวิว Yamaha Tracer 9GTในมุมมองผู้ขับขี่ เวลานั่งรถ ความสูงชิลด์หน้ารถจะพอมีความพอดี ไม่บดบังสายตาในเวลาขับขี่ และที่สำคัญสามารถปรับระยะชิลด์ได้ตามความเหมาะสม

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

มาดูที่ขุมพลังกันบ้าง ซึ่งมาพร้อมกับรอบเครื่องยนต์ที่กว้าง ด้วยความเป็นรถเครื่องยนต์ 3 สูบ การเข้าเกียร์ 1-3 บอกเลยว่ามาแบบเต็มพิกัด หรือบิดมาตั้งแต่ 0 – 120 กิโลเมตร ให้ฟีลลิ่งแบบรถสปอร์ตเลย มันส์สะใจอย่างแน่นอน นอกจากนี้ตัวรถยังมีลูกเล่นมากมายอย่าง ควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง ที่สามารถขับขี่ได้ลื่นไหลและนุ่มนวล พร้อมระบบโหมดการขับขี่ (Riding Mode) ได้ถึง 4 ระดับ เพิ่มความสนุก เร้าใจ ในการขับขี่มากยิ่งขึ้น รวมถึง คันเร่งไฟฟ้า

รีวิว Yamaha Tracer 9GT

สำหรับการทดสอบเครื่องยนต์ 890 ซีซี สามารถบิดสูงสุดได้ถึง  230-240 กิโลเมตรเลยทีเดียวในช่วงทางตรงยาว ถือว่าเป็นสปอร์ตทัวริ่งที่สามารถทำความเร็วได้สูงเลยทีเดียว และในช่วงความเร็วต่ำก็สามารถประคองการขับขี่ได้ง่าย บอกเลยว่าทุกย่านความเร็วสำหรับโมเดลคันนี้ ตอบโจทย์เลยทีเดียว การควบคุม สภาวะ สมรรถนะต่าง ๆ ที่ออกแบบมาในตัวรถคันนี้ถือว่า ครบทุกรสชาติเลยทีเดียว

สำหรับช่วงล่างของโมเดลนี้ถือว่าเป็นรถที่ให้ช่วงล่างแบบว่า เฟิร์มมาก ๆ ซึ่งโดยรวมแล้ว สามารถวิ่งทางตรง ทางลาดชัน ขึ้นเขา ลงห้วย เทโค้งได้แบบสนุกทีเดียว ถ้าให้คะแนน ผมให้เต็มสิบเลยสำหรับช่วงล่าง

มาดูเทคโนโลยีกันบ้างที่เข้ามาเสริมออปชันในรถรุ่นนี้ ทั้งระบบแทรคชัน คอนโทรล ครูซคอนโทรล ควิกชิฟเตอร์ คันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ เรือนไมล์สี TFT ปลั๊กชาร์จไฟ USB รวมถึงระบบเบรก ABS และที่สำคัญตัวประมวลผล IMU ที่ทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ช่วยให้สามารถรักษาเสถียรภาพตัวรถได้ดีมากขึ้นอีกด้วย ถือว่าให้มาจัดเต็มทีเดียว

ฟันธง

สรุปเลยนะครับว่า รถสปอร์ตทัวริ่งคันนี้ เหมาะสำหรับสายเดินทางหรือจะสายเที่ยวได้ทุกวัย ทั้งผู้ขับขี่ที่อยากจะใช้งานในเมือง หรือใช้ออกทริปเดินทางไกล รับรองว่าสนุกแน่นอน สำหรับท่านไหนที่สนใจในรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ บอกเลยว่าตอบโจทย์ทั้งความเร็ว ช่วงล่าง เทคโนโลยีที่ให้มาทุกอย่างถือว่าคุ้มค่า ในราคา 569,000 บาท ทุกอย่างนี้คือเพอร์เฟ็กต์เลยทีเดียว โดยสามารถดูและทดสอบรถได้ที่ ยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ ทุกสาขาในประเทศไทย หากใครสนใจ ไปดูได้ รับรองติดใจอย่างแน่นอน

อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -

บทความยอดนิยม