รีวิว Yamaha E01 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ขึ้นเขาใหญ่ สบายมากขอบอก
สำหรับครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษมาก ๆ ที่ได้มีโอกาส รีวิว Yamaha E01 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 100% (แม้ว่าเจ้าคันนี้จะยังเป็นรถต้นแบบหรือโปรโตไทป์ก็ตาม) กับเส้นทางทดสอบสุดท้าทายซึ่งก็คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีทั้งขึ้นเขา เนินชัน โค้งหักศอก ทางลาดลงเขา ซึ่งเป็นเส้นทางที่เหมาะจะมาทดสอบ EV Bike ในครั้งนี้อย่างยิ่ง
ทำความรู้จักกันก่อน
อีซีโร่วัน คันนี้เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าให้เทียบกับรถมอเตอร์ไซค์น้ำมันทั่ว ๆ ไปก็จะเทียบเท่ากับรถขนาด 125 ซีซี ที่มีการออกแบบดีไซน์แฟริ่ง รูปทรงดูล้ำสมัย เหมือนมาจากอนาคต และแปลกตาไม่ซ้ำใคร ทว่าก็แฝงดีไซน์ DNA จาก R-Series ที่ไฟหน้าดูดุดัน และออกแบบตำแหน่งการชาร์จไฟอยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถ ตัวเรือนไมล์เป็นแบบ ดิจิทัล แสดงผลค่าสถานะของตัวรถทั้งหมดบนหน้าจอเรือนไมล์
สำหรับตัวแบตเตอรี่เป็นแบบลิเทียมไลออนมีขนาดความจุ 4.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงขับเคลื่อนสูงสุด 8.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ 5,000 รอบ และมีแรงบิดสูงสุด 30.2 นิวตันเมตรที่ 1,950 รอบ ซึ่งทางโรงงานเคลมมาสามารถวิ่งได้ไกลสุด 130 กิโลเมตร
เทคโนโลยี เต็มระบบ..!!
ตัวรถมีระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายส่วนด้วยกัน อาทิ ระบบควบคุมตัวรถ (Vehicle Control Unit) ,ระบบจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System) และระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor Control Unit)
นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ Riding Mode ทั้งหมด 3 โหมด Eco, Standard และ Power โดยมีรายละเอียดแต่ละโหมดดังนี้
- Eco คือโหมดประหยัดพลังงาน โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีปล่อยแรงขับสูงสุดที่ 4 กิโลวัตต์ที่ 4,500 รอบ มีแรงบิด 21.4 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ และจำกัดความเร็วสูงสุดที่ 60 กม./ชม.
- Standard คือโหมดมาตรฐาน สำหรับใช้งานทั่วไป โหมดนี้มอเตอร์ไฟฟ้าปล่อยแรงขับสูงสุดที่ 1 กิโลวัตต์ที่ 5,000 รอบ มีแรงบิด 24.5 นิวตันเมตรที่ 1,500 รอบ สำหรับโหมดนี้จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 100 กม./ชม.
- Power คือโหมดแรงที่สุดที่มีในคันนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าปล่อยแรงขับ 1 กิโลวัตต์ที่ 5,000 รอบ แรงบิด 30.2 นิวตันเมตร ที่ 1,950 รอบ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กม./ชม. เรียกว่ามาไว มาเต็มในโหมดนี้
รองรับระบบชาร์จ 3 แบบ
สำหรับโมเดลนี้ตอนนี้มีระบบการชาร์จ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่
- ระบบ Fast Charger หรือระบบชาร์จเร็ว จะใช้เวลาในการชาร์จ จาก 0 – 90% ประมาณ 1 ชั่วโมง
- ระบบ Normal Charger หรือระบบชาร์จปกติใช้เวลาในการชาร์จ จาก 0 – 100% ประมาณ 5 ชั่วโมง (ที่แรงดันไฟ 200-240 โวลต์ หรือไฟบ้านปกติ)
- ระบบ Portable Charge เป็นการชาร์จด้วยตัวชาร์จแบบพกพาซึ่งสามารถพกใส่ใต้เบาะได้ ใช้เวลาในการชาร์จ 0 – 100 % ประมาณ 14 ชั่วโมง (แรงดันไฟ 100 – 240 โวลต์)
เจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ยังมาพร้อมเกียร์ถอยหลัง ใช้งานง่ายเวลาจะจอดรถ และยังปลอดภัยแบบหายห่วงเพราะเกียร์ถอยจะมีความเร็วเพียง 1 กม./ชม.เท่านั้น และสำหรับคนที่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเวลาลงเขาหรือทางลาดชัน ตัวรถมีระบบรีเจเนอเรทีฟเบรกกิ้ง หรือ Regenerative Braking ซึ่งจำลองความรู้สึกของเอ็นจิ้นเบรก (Engine Brake) ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความหน่วงจากตัวรถ เพิ่มความปลอดภัย มั่นใจในการขับขี่มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระบบแทร็คชันคอนโทรล หรือระบบป้องกันล้อลื่นไถล รักษาเสถียรภาพของตัวรถ ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และพิเศษสำหรับเจ้าโปรโตไทป์คันนี้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการทดสอบ POC ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแบบ E-Sim โดยมีการติดตั้งระบบ Communication Control Unit พร้อม E-Sim และ GPS ในตัว เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลของตัวรถผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้ และทางยามาฮ่าจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนารถต่อไป
ในส่วนของระบบช่วงล่าง ยังคงเหมือนสกู๊ตเตอร์ทั่ว ๆ ไป โช้คอัพด้านหน้าเป็นแบบ เทเลสโคปิก ขณะที่โช้คอัพหลังเป็นสตรัทสปริงคู่ยึดกับสวิงอาร์มอยู่กลางลำตัวรถ ส่วนล้อเป็นแบบไม่ใช่ยางใน Tubeless ขนาด 13 นิ้ว หน้า-หลัง และส่วนสำคัญคือระบบเบรกที่เป็นดิสก์เบรกหน้าหลัง มาพร้อมระบบ ABS เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ก่อนจะกล่าวสรุปทิ้งท้ายฟีลลิ่งการขับขี่ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า ยามาฮ่า อีซีโร่วัน ตัวนี้ยังคงเป็นโปรโตไทป์หรือรถต้นแบบจากทางยามาฮ่าที่ตอนนี้มีเพียง 500 คัน และถูกส่งไปเก็บข้อมูลทั่วโลก โดยส่งมาที่ไทยทั้งหมด 40 คัน ให้เราได้ทดสอบในครั้งนี้ พร้อมกับทีมเก็บข้อมูลเพื่อที่จะนำกลับไปพัฒนาเพิ่มเติม ก่อนนำมาขายจริง ๆ ซึ่งก็ยังไม่มีระบุว่าเมื่อไหร่ แต่คิดว่าคงไม่นานนัก
ความรู้สึกที่ได้ลองขับขี่ขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
จากการได้ลองขับขี่ อย่างแรกเลยสัมผัมได้ถึงท่านั่งการขับขี่ที่สบาย ตำแหน่งการวางเท้า ระยะแฮนด์ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมพอดี บังคับเลี้ยวได้ดีเลย จริง ๆ แล้วคันนี้ถูกพัฒนาในพื้นฐานเดียวกับ Yamaha Nmax 125 อ้างอิจจากทางฝั่งยุโรป รู้สึกได้เลยว่าไม่ต้องปรับตัวเข้าหารถมากมายนัก เบาะนั่งก็ไม่สูง ผู้หญิงตัวเล็กขับได้สบาย ๆ ขี่ง่ายแน่นอน
มอเตอร์ไฟฟ้าแรงไม่ธรรมดา
มอเตอร์ไฟฟ้าตัวนี้ให้ความสุขุม นุ่มลึกเวลาอยู่ในโหมด STD กำลังมอเตอร์ไฟฟ้ามาเรื่อย ๆ สบายๆ ในทางลาดชันขึ้นเขาใหญ่ แม้กระทั่งอยู่ในขบวนที่มีความเร็วไม่เร็วมาก ดูเหมือนจะไม่มีความเร็วส่งขึ้นเนิน แต่มันก็ไต่ขึ้นไปได้อย่างสบาย ๆ ไร้กังวล คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองดี รู้สึกได้ว่ามีฟีลคล้าย ๆ กันรถสันดาปทั่ว ๆ ไปเลย บิดแค่ไหน ได้เท่านั้น
ในส่วนขากลับได้มีโอกาสลองโหมด PWR โหมดนี้สายซิ่งน่าจะชอบ เป็นโหมดที่มีการตอบสนองคันเร่งไว แรงบิดมาเต็มมาก ๆ ขี่สนุก ติดใจเลยละครับ การใช้คันเร่งต่อเนื่องกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไม่มีตก ดันขึ้นเนินสบาย ๆ สามารถทำท็อปสปีดในโหมดนี้ได้ถึง 105 กม./ชม. ในช่วงที่ลงเขาก็รู้สึกถึงเอ็นจิ้นเบรกเข้ามาช่วยหน่วงให้ตัวรถชะลอลง รู้สึกมั่นใจมากขึ้นไปด้วย เพราะสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหลาย ๆ คันไม่ค่อยมีเทคโนโลยีตัวนี้ ถือว่าทำการบ้านมาดี
ช่วงล่างถูกใจสายสปอร์ต
ถือว่าเกินความคาดหมายไปพอสมควร สำหรับช่วงล่างคันนี้ เพราะตำแหน่งของโช้คอัพหลังที่อยู่เกือบจะกึ่งกลางตัวรถ ให้ฟีลลิ่งที่สปอร์ต นุ่มนวล ซับแรงกระแทกได้ดี มิติของตัวรถ สมส่วน ขี่ง่าย พลิกรถได้ดี ยิ่งช่วงที่มีโค้งต่อเนื่องบนเขาใหญ่ จะรู้สึกได้เลย ว่าศูนย์ถ่วงและบาลานซ์ของตัวรถคันนี้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
แบตเตอรี่เรื่องที่ทุกคนกังวล
ในส่วนของการใช้พลังงานแบตเตอรี่ ชาร์จเต็ม 100% จากจุดเริ่มต้น คีรีมายา วิ่งขึ้น อุทยานเขาใหญ่ ระยะทางประมาณโดยรวม 70 กิโลเมตร ไปกลับบิดแบบไม่สนใจสถานะพลังงาน วิ่งวนถ่ายรูป ขึ้นเนิน ทอสอบเกียร์ถอย และ ขี่กลับมายังจุดเดิม ยังมีพลังงานเหลืออยู่ 30% ถือว่าใช้ได้เลย เฉลี่ยง่าย ๆ 1% ต่อ 1 กิโลเมตร ไม่มีปัญหาความร้อนในการทดสอบ
สรุปทิ้งท้าย
จากนี้ไปก็คงเหลือแค่ การใช้งานในชีวิตประจำวัน การชาร์จแบตเตอรี่นอกสถานที่ การเซอร์วิสชิ้นส่วนต่าง ๆ อีกส่วนที่สำคัญ ก็คือราคาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บอกได้เลยว่า ถ้ายามาฮ่าเก็บรายละเอียดหลังจากการทดสอบรถต้นแบบในครั้งนี้กลับมารอบหน้า Yamaha E01 ต้องเป็นรถไฟฟ้าที่น่าใช้ที่สุดอีก 1 คัน ที่อยู่ในรถรายการสกูตเตอร์ไฟฟ้าพลังงานทางเลือกใหม่อย่างแน่นอน
อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก
 |
 |
