Home Honda News รีวิว Wave LED ตัวใหม่ ประหยัดจริง หรือแค่คำคุย?

รีวิว Wave LED ตัวใหม่ ประหยัดจริง หรือแค่คำคุย?

0

รีวิว Wave LED ตัวใหม่ ประหยัดจริง หรือแค่คำคุย?

สำหรับบทความนี้ก็จะเป็นการ รีวิว Wave LED ตัวใหม่หรือเจ้า Honda Wave125i โมเดลใหม่ล่าสุด โดยทาง SuperBike Thailand ได้นำมาทดสอบขับขี่ใช้งานจริง ๆ ไม่ใช่แบบว่าขี่ช้า ๆ เพื่อปั้นตัวเลขให้ประหยัด โดยการทดสอบของเรานั้นคือการใช้งานบนถนนจริง ๆ ขี่ท่องเที่ยว ซ้อนสองถ่ายงาน ขี่กันยาว ๆ หรือแม้แต่บิดหนีฝนแบบสุดชีวิต จนกระทั่งน้ำมันที่เติมไว้เต็มหมดถัง เพื่อให้รู้กันไปเลยว่าประหยัดจริง หรือแค่คำคุย

ทรงสวยทันสมัย

สำหรับ เวฟ125ไอ ใคร ๆ ต่างก็รู้มันคือรถรุ่นยอดนิยม โดยโฉมนี้มาพร้อมกับไฟหน้า LED สว่างโดดเด่น มาพร้อมไฟหรี่ที่แฟริ่งด้านหน้าแบบบิลต์อินเข้าไปในชุดสี ทำให้ดูดีมีมิติของตัวรถที่สวยมากยิ่งขึ้น คอนโซลแบบทูโทน 2 สี พร้อมกับการเล่นสีที่ตัวเบาะ ทำให้ดูสวยยิ่งขึ้น ในส่วนของเรือนไมล์มาในรูปแบบเข็มอนาล็อก ดูสวยเด่น มีไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ของตัวรถ เช่น ไฟเครื่องยนต์ ไฟเลี้ยว ไฟสูง พร้อมกับเลขบอกเกียร์ ที่แผงหน้าปัดดูง่ายสะดวก ชัดเจน มือใหม่เองก็ขี่ได้ง่าย ถูกใจแน่นอน

ทนทานหายห่วง

โมเดลนี้ยังคงใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ 125 ซีซี พร้อมหัวฉีด PGM-Fi เทคโนโลยีแห่งความประหยัดน้ำมันจากค่ายปีกนก มาพร้อมเกียร์ วน 4 สปีด N-1-2-3-4 ขับขี่ได้ง่าย ไม่ต้องกำคลัตช์ เรียกว่ามือใหม่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก ในส่วนระบบขับเคลื่อนส่งกำลังเป็นระบบโซ่และสเตอร์พร้อมมีตัวครอบหรือบังโซ่ ก็ยิ่งทำให้ดูแลรักษาง่ายต้นทุนต่ำ ประหยัดเงินยิ่งขึ้นไปอีก

ช่วงล่างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน

ในส่วนของช่วงล่างก็ไม่ได้หวือหวาอะไร เป็นมาตรฐานของรถครอบครัวทั่วไป โดยจะมีโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค ด้านหลังก็จะเป็นโช้คอัพคู่แบบสปริงเกลียว ยึดติดแบบให้ตัวได้กับสวิงอาร์ม สำหรับในส่วนของระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวร่วมกับคาลิเปอร์เบรก ด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก ซึ่งเพียงพอกับรถสไตล์นี้ ขณะที่ตัวล้อเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 17 นิ้ว มีดีไซน์ก้านแม็กซ์ 5 ก้าน ทนทาน สวยงาม ใช้งานได้ดี (เฉพาะรุ่นท็อป)

สะดวกด้วยสตาร์ทมือ

แน่นอนว่ายุคนี้เทคโนโลยีก้าวไกลไปมากแล้ว สำหรับโมเดลนี้ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอย่างระบบสตาร์ทมือมาให้ ทั้ง ๆ ที่ราคารถก็ไม่ได้แพงเลย ทำให้ใช้งานง่าย และไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่หมดจะสตาร์ทได้ไหม เพราะว่าฮอนด้ายังใส่คันสตาร์ทเท้าติดรถมาให้ด้วย แบบว่าหายห่วงแน่นอน

ฟีลลิ่งหลังลองขี่แบบจริงจัง

ทำไมต้องจริงจัง ทำไมต้องซีเรียส แน่นอนครับ เราไม่ได้ทดสอบแบบ ซิตี้ไบค์ทั่ว ๆ หรือรถครอบครัวที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปซื้อแกงอะไรแบบนั้น แต่เราเอาซิตี้ไบค์คันนี้มาขับขี่แบบสไตล์ทัวริ่ง ออกทริปเดินทางท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป (One Day Trip) กทม – กาญจนบุรี ระยะทางไปกลับราว ๆ 300 กิโลเมตร โดยเป้าหมายของเราวันนี้ คือ ไปชมวิวสะพานข้ามแม่น้ำแคว และไปชมวิวทิวทัศน์แถววัดถ้ำเสือ ไปแบบสบาย ๆ ตามใจพาไป มีหนักคันเร่งบ้างเบาบ้างตามสถานการณ์

พูดถึงท่านั่งการขับขี่กันก่อน แน่นอน คันนี้คือรถใช้งานในเมือง ใช้สอยตามวาระตามโอกาส มีความอเนกประสงค์ในตัว แต่ด้วยดีไซน์ของตำแหน่งท่านั่งแบบรถครอบครัว ทำให้การขับขี่ในเมืองมีความคล่องตัว แม้กระทั่งมีคนซ้อนก็ยังขับขี่ได้ง่าย คล่องแคล่ว แต่ถ้าเอามาขับขี่ออกทริปเดินทาง อาจจะมีความปวดเมื่อยอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดีในระดับนึง แต่ก็ยังไม่สุด ถือว่าพอใช้ได้ ขี่เพลิน ๆ ก็โอเค พอไหว

ฟีลลิ่งเครื่องยนต์

ช่วงออกตัว เกียร์ 1-3 ทำได้ดีเลยทีเดียว ส่วนเกียร์ 4 เป็นเกียร์ที่จะมาช่วยผ่อนรอบเครื่องให้เบา ประหยัดน้ำมันมากขึ้นจนรู้สึกได้ ส่วนความทนทาน เรื่องนี้แน่นอนผมการันตีให้ได้ เพราะว่าเราแช่ยาว ๆ 60-70 กิโลเมตร เส้นบางเลน กำแพงแสน แบบเต็มพิกัดรถ น้ำหนักผมเองก็ไม่เบาด้วย แน่นอนว่าไม่มีเสียง อาการหรือความเสียหายใด ๆ ทั้งนั้น แถมเดินทางไป-กลับวันเดียวก็ราวๆ 300 กิโลเมตร สบาย ๆ ทนทาน อึด ถึก ทน ใช้คุ้ม สมกับที่ครองใจคนไทยมาได้อย่างยาวนานจริง ๆ

ขอเสริมส่วนนี้อีกนิดว่าถ้าเราสร้างความเคยชินกับคันนี้แล้ว การเพิ่มลดเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว ก็จะยิ่งช่วยให้การขับขี่ดีขึ้น สมรรถนะเครื่องยนต์และเกียร์สอดคล้องกันได้ดีกว่าตอนเพิ่งเริ่มขับ แน่นอนว่าก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของช่วงล่าง ตัวโช้คอัพให้ความนุ่มนวล ซับแรงได้ดี แต่ถ้ามีคนซ้อนหรือบรรทุกของหนัก ๆ อาจจะย้วย ตรงนี้อาจจะต้องแนะนำให้อัพเกรดโช้คอัพนิดหน่อย เพิ่มค่าเคสปริงให้แข็งขึ้น ก็จะช่วยได้ในระดับนึง สำหรับเบรกคิดว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั้งดิสก์เบรก และดรัมเบรก ตรงนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักการกดเบรกด้วย ซึ่งสร้างความคุ้นชินได้ไม่ยาก

ประหยัดจริงหรือแค่คำคุย?

ด้วยความที่ต้องตามกระแสยุคน้ำมันแพง เราจึงได้เก็บข้อมูลในการเดินทางออกทริปเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทาง ซึ่งเราขับขี่กันไปทั้งหมด 268 กิโลเมตร คิดออกมาเป็นค่าน้ำมัน 310 บาท ถือว่า เป็นราคาที่รับได้ สำหรับการเดินทางไปกลับ กทม.- กาญจนบุรี ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันมาก ๆ กับยุคที่แก๊สโซฮอล์ไปไกลเกินกว่า 40 บาทมากแล้ว

อย่างไรก็ดีเบื้องต้นก่อนออกเดินทางทางทีมงานคิดคำนวณจากอัตราการประหยัดน้ำมันที่ทางค่ายเคลมมานั้นน้ำมันถังเดียวก็สามารถไปกลับได้โดยไม่ต้องเติม และค่าน้ำมันก็จะน้อยกว่านี้ แต่สภาพการทดสอบของเรานั้นไม่ได้ขี่แบบควบคุมความเร็วอะไรแบบที่สถาบันทดสอบแนะนำ เราทดสอบบนเส้นทางจริง มีรถติดบ้าง มีอัดยาว ๆ เร่งแซง ขี่ซ้อนสองพาตากล้อง หรือแม้กระทั่งอัดหมดปลอกหนีสายฝนก็มี

โดยสรุปแล้วการทดสอบครั้งนี้เราใช้น้ำมันไป 7.2 ลิตร กับระยะทาง 268 กม. เท่ากับว่าได้อัตราสิ้นเปลืองที่ 37.22 กม./ลิตร น้อยกว่าตัวเลขที่ให้มากว่าครึ่งได้ แต่ก็ยังถือว่าประหยัดมาก ๆ อยู่ดีครับ เพราะการที่รถเครื่องยนต์เล็ก ๆ เอามาขี่ทำความเร็วออกทริปเดินทางไกล ๆ ถือว่าเครื่องยนต์ต้องรับภาระมากโข ถ้าใช้งานทั่วไปอัตราสิ้นเปลืองก็จะออกมาประหยัดมากกว่านี้อีกครับ คอนเฟิร์ม

สรุป รีวิว Wave LED ตัวใหม่

ถือว่า Honda Wave125i เป็นรถซิติ้ไบค์ระดับยอดมหานิยมจริง ทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นมานาน ทั้งเรื่องความทนทาน ความประหยัด ศูนย์บริการ และเรื่องของฟีลลิ่งการขับขี่ที่ง่าย คล่องตัว ทำให้ถูกใจใครหลาย ๆ คน สุดท้ายนี้ยังไงก็ต้องขอฝาก Wave 125i LED ไว้พิจารณาสักคันนึงสำหรับไว้ใช้งาน หรือเอาไปออกทริปสั้น ๆ ก็พอไหวครับ บอกตรง ๆ ว่าถูกใจแน่นอน
อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version