รีวิว Triumph Trident 660 เครื่องยนต์ทรงพลัง 3 สูบขี่ง่าย สนุกเร้าใจ..!
บอกก่อนเลยว่าโรสเตอร์ขนาดกลางคันนี้ เป็นโมเดลที่มีความคุ้มค่า เทคโนโลยีทันสมัย มาพร้อมการออกแบบเครื่องยนต์ 3 สูบที่ลงตัว รูปร่างกระทัดรัด ช่วงล่างที่ให้มาใช้อย่างเหลือใช้ ต้องขอบอกคนที่รอเลยว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยแน่นอน
สัมผัสแรกที่จะได้สัมผัสโรดสเตอร์ขนาดกลางเมืองผู้ดีสัญชาติอังกฤษ ต้องขอขอบคุณ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซค์เคิล ไทยแลนด์ ที่ได้เทียบเชิญเรามาทดสอบในครั้งนี้ และบอกก่อนเลยว่าทางไทรอัมพ์เองทำการบ้านมาดีสำหรับการพัฒนารถที่จะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทั้งการออกแบบตัวรถ เครื่องยนต์ เทคโนโลยีการขับขี่ต่างๆ ทำให้เอ็นจอยกับการขับขี่มากขึ้นและที่สำคัญคนที่ชื่นชอบสามารถเข้าถึงแบรนด์ไทรอัมพ์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
รูปลักษณ์ร่วมสมัย โครงเหล็กกล้า
เรามาเข้าเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตากันก่อนเลย สำหรับโร้ดสเตอร์เน็กเก็ตไบค์คันนี้ ได้รับการออกแบบที่เรียบง่าย ดูดี สะดุดตาด้วยไฟหน้าทรงกลมที่มาพร้อมกับระบบไฟส่องสว่างแบบ Full LED พร้อมระบบไฟเลี้ยวแบบ Auto Cancel ยกเลิกเองอัตโนมัติ ดูดีมีสไตล์ แฮนด์บาร์อลูมิเนียมยกสูงทำให้ขับขี่ได้ง่าย พร้อมกับรูปทรงตัวถังน้ำมันที่ออกแบบให้มีรูปทรงที่รับกับขาด้านในของตัวผู้ขับขี่ ทำให้เวลาขับขี่กระชับมากขึ้นเวลาเลี้ยวรถหรือเบรกพร้อมกับโลโก้ไทรเด้นท์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เบาะผู้ขับขี่เป็นแบบตอนเดียว 2 ระดับ ให้ฟีลที่กระชับ นุ่มนวล
โครงรถใหม่ที่เป็นแบบท่อเหล็กกล้า ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้ท่านั่ง การวางเท้า การจับแฮนด์เฟรนด์ลี่กับผู้ขับขี่ จะรู้สึกถึงความสบาย และการคอนโทรลตัวรถก็ทำได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งรถคันนี้มีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 189 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้ลดภาระการบังคับรถได้อีกเยอะเลยล่ะครับ
มาดูในส่วนของตัวล้อกันบ้างที่ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างนึงเลยก็ว่าได้เพราะเจ้าคันนี้ใส่ล้ออลูมิเนียมน้ำมันเบา ดีไซน์แบบ 5 ก้าน ทำให้ตัวรถดูสปอร์ตมากขึ้นเป็นกองเลยละครับ พร้อมกับท่อไอเสียที่อยู่กลางลำตัวรถ เวลามองๆแล้ว บาลานซ์รถมันช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน
เครื่องยนต์ โคตรจี๊ด เสียงเร้าใจ
เครื่องตัวนี้ยังคงให้ความเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์อยู่เช่นเดิม มีการออกแบบเครื่องยนต์ 3 สูบ ไม่เหมือนใครในวงการ ขนาดของเครื่องยนต์คันนี้มีอยู่ที่ 660 ซีซี DOHC 12 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด ด้วยขนาดลูกสูบที่มีขนาดใหญ่ถึง 74 มม. และมีช่วงชักที่ 51.1 มม. สามารถให้กำลังแรงม้าได้ถึง 81 แรงม้า ที่ 10,250 รอบ/นาที มีแรงบิดที่ 64 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับรถเซ็กเมนต์นี้
มีการดีไซน์ท่อไอเสียแบบ 3 ออก 1 ตัวปลายท่อไอเสียเองอยู่กึ่งกลางลำตัวรถพอดี เป็นการบาลานซ์น้ำหนักของตัวรถไปในตัว ต้องบอกเลยว่าตัวเสียงท่อและเครื่องยนต์ของเจ้าไทรเดนท์คันนี้ทำเอาถูกใจเทสต์ไรเดอร์หลายคนเลยทีเดียวรวมไปถึงตัวผมเองด้วย ฟิ้ว ฟิ้ว
ฟีลเครื่องยนต์ 3 สูบตัวนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังพอประมาณ การทำงานของรอบเครื่องยนต์ทำได้เนียนดี การสั่งการบิดคันเร่งไฟฟ้าไปที่เครื่องยนต์นั้นตอบสนองได้ทันใจ ให้พละกำลังในรอบกลางและปลายทำได้ดี ถือว่าเครื่องยนต์ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่กำลังหารถไว้ใช้งานทุกวัน รอบต้นกำลังพอดีมือ ขี่สนุก ส่วนถ้าอยากมันส์ก็เติมคันเร่งหน่อยก็สามารถที่จะรับรู้ความรู้สึก บิดเด้ง เร่งลอยได้เต็มที่เลยละครับ
ช่วงล่างเหลือใช้
และด้านหลังเป็นแบบโช้คเดี่ยวยึดกับสวิงอาร์มคู่ สามารถที่จะปรับค่าความแข็งอ่อนของตัวสปริงได้อีกด้วยเหมาะสำหรับใครที่มีคนซ้อนท้ายก็ต้องบอกเลยว่าสบายๆ หายห่วง การขับขี่ใช้งานในเมืองเวลาเจอกับช่วงของคอสะพานหรือรอยต่อพื้นถนน รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล หรือแม้แต่ในช่วงของความเร็วสูงๆ เวลาเลี้ยวเข้าโค้งก็รู้สึกได้ถึงความกระชับมั่นใจในตัวรถมากขึ้น
ระบบเบรกจาก Nissin ทั้งหน้า-หลัง ด้วยตัวเบรกด้านหน้า ที่ให้มาแบบดับเบิ้ลดิสก์หรือดิสก์เบรกคู่ โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางจานดิสก์อยู่ที่ 310 มม. และตัวเบรกหลังแบบดิสก์เบรกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 255 มม. ใส่ส่วนของตัวกระทุ้งน้ำมันเบรกหลังยังมีลูกเล่นเป็นกระปุกน้ำมันแบบใสติดตั้งมาให้ด้วยทำให้ดูหล่อขึ้นกว่าเดิม และสำหรับระบบเบรกที่ให้มาเบรกได้ดีมั่นใจได้เลย
และส่วนสุดท้ายสำหรับช่วงล่างนั้นก็คือ ตัวล้ออลูมิเนียมแบบ 5 ก้านที่ดีไซน์ได้สวยงามลงตัวจริงๆ โดยจะมาพร้อมกับยางขนาดใหญ่ขอบ 17 นิ้วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยมียางหน้าขนาด 120/70 และยางหลัง 180/55 ทำให้ดูใหญ่ ดูแน่น เข้มและดุดัน เรียกว่าลงตัวดีจริงๆ เหมาะสำหรับคันนี้มากๆ ครับ
เทคโนโลยีก็มีมาแน่นๆ
เริ่มจากแทร็คชันคอนโทรล เป็นระบบความปลอดภัยที่ติดมาให้จากโรงงาน เพื่อที่จะกันล้อหน้า-หลัง หมุนไม่เท่ากัน เมื่อเจอสภาพถนนเส้นทาง ทั้งลื่นน้ำ ทราย กรวด สภาพต่างๆ ที่ไม่สามารถระวังได้ระบบนี้จะตัดกำลังการหมุนของตัวล้อไม่ให้ตัวรถเสียอาการทำให้ควบคุม ช่วยให้ประคองรถผ่านไปได้ด้วยดี ต้องบอกเลยว่าตอนทดสอบได้ใช้เต็มที่เลย เวลาระบบทำงานจะมีสัญลักษณ์ TC ขึ้นที่เรือนไมล์ TFT และหากใครที่ต้องการความเร้าใจก็สามารถปิดได้ด้วย
ต่อที่โหมดการขับขี่ ซึ่งก็มีมาให้เช่นกัน โดยส่วนตัวแล้วผมชอบตรงนี้ เพราะขี่สนุก มั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น โดยโหมดการขับขี่แบบ Road ก็จะได้ฟีลกำลังเครื่องนต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงม้า ถึงจะเป็นคันเร่งไฟฟ้าแต่ก็มาได้ทันใจเลยละครับ แต่ในส่วนของโหมด Rain ก็จะหน่วงๆ หน่อย และจะทำงานควบคู่กับตัวแทร็คชันคอนโทรลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าปลอดภัยแน่นอน เมื่อเจอสภาวะถนนเปียก นอกจากนี้ยังสามารถที่จะปรับตั้งค่าโหมดการขับขี่ได้ง่ายๆ ผ่านปะกับทางด้านซ้าย และสังเกตข้อมูลที่หน้าจอ TFT ได้ชัดเจน
และสุดท้ายระบบเบรก ABS ระบบมาตรฐานความปลอดภัจากไทรอัมพ์ เบรกหนัก เบรกฉุกเฉิน ล้อก็จะไม่ล็อค เพราะตัวนี้ละพระเอก ทั้งยังทำงานได้ละเอียด ปลอดภัย มั่นใจได้ครับ
***
ข้อสังเกตเพิ่มเติมสำหรับโมเดลนี้
– ควิกชิฟเตอร์ และระบบ My Triumph Connectivity ที่เป็นระบบช่วยนำทาง ฟังเพลง เชื่อมต่อบลูทูธเข้ากับสมาร์ทโฟน และยังสามารถที่จะสั่งการกล้อง GoPro ได้นั้น ต้องเสียเงินติดตั้งเพิ่มเติม โดยสามารถสอบถามกับทางตัวแทนจำหน่ายได้เลยครับ
– จานเบรกยังไม่ได้ให้แบบ Floating มา แต่ค่ายอื่นในพิกัดใกล้เคียงกันมี
– บังโคลนท้ายหรือกันดีดนั้น ถ้าจะถอดออกต้องซื้อไฟเลี้ยวแต่งเพิ่ม เพราะไฟเลี้ยวท้ายนั้นเป็นแบบบิลด์อินติดกับตัวบังโคลนหรือกัดดีดเลย
– ในการปรับเลือกโหมดขับขี่ Riding mode และการเปิดหรือปิดระบบแทร็คชันคอนโทรล จะต้องทำตอนที่รถต้องหยุดนิ่งหรือจอดรถเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย
โดยสีที่จำหน่ายมีทั้งหมด 4 สี
1. Silver Ice & Diablo Red
2. Matt Jet Black & Matt Silver Ice
3. Crystal White
4. Sapphire Black
เปิดราคาขายอย่างเป็นทางการที่ 309,000 บาทเท่านั้น
สามารถอ่านสเปกเพิ่มเติม คลิก
ขอสรุปเลยแล้วกันกับ รีวิว Triumph Trident 660 ครั้งแรกที่ได้ลอง…!!
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก