Home รีวิวและทดสอบ รีวิว Speed Triple 1200 RR 2022 คาเฟ่เรซเซอร์ตัวท็อป แรงสะใจ..!! 

รีวิว Speed Triple 1200 RR 2022 คาเฟ่เรซเซอร์ตัวท็อป แรงสะใจ..!! 

0

รีวิว Speed Triple 1200 RR 2022 คาเฟ่เรซเซอร์ตัวท็อป แรงสะใจ..!! 

ล่าสุด Triumph ประเทศไทยเล่นใหญ่จัดงานทดสอบ 2 โมเดลใหม่รุ่นใหญ่ของทางค่ายให้ได้ไปทดสอบขับขี่กันถึงที่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ถือเป็นโอกาสดีให้เราได้ทำการ รีวิว Speed Triple 1200 RR 2022  คาเฟ่เรซเซอร์ระดับเรือธงกันแบบเน้น ๆ ว่า เจ้านี่มีดีแค่ไหน หรือจะแค่หล่อเท่เท่านั้น

หล่อสปอร์ตคลาสสิค

สำหรับโมเดลนี้ผมบอกได้เลยว่ามันมีความสปอร์ตและความคลาสสิคที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัว การออกแบบฮาล์ฟแฟริ่งเข้ากับไฟกลมดีไซน์ได้สวยลงตัว เส้นสายดูคลาสสิคโค้งมนลงตัว ขณะที่แฮนด์จับโช้คก็ให้ภาพลักษณ์ในแบบของสปอร์ตไบค์

ทางค่ายเก็บรายละเอียดชิ้นส่วนเป็นเนื้องานเคฟลาร์คาร์บอน ทำให้ดูสปอร์ตสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก ระบบไฟ LED เต็มระบบ พร้อมกันนี้ยังมีไฟแบ็กไลท์สำหรับสวิตช์ต่าง ๆ สีแดงเพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยมยิ่งขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ตัวรถจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สวยเด่นในทุก ๆ ด้าน ยิ่งด้านหน้ายิ่งดูเท่มาก ขณะที่ด้านหลังเป็นสวิงอาร์มเดี่ยวหล่อ ๆ เอาเป็นว่าไปขี่ที่ไหนใคร ๆ ก็ต้องบอกว่ามันหล่อมากอย่างแน่นอน

 

แรงขึ้น ล้ำขึ้น

ในส่วนของเครื่องยนต์จะเป็นเครื่องตัวใหม่ 3 สูบเรียงขนาด 1,160 ซีซี ซึ่งทางโรงงาน เคลมแรงม้าสูงสุดมาที่ 180 แรงม้าที่ 10,750 รอบและแรงบิดสูงสุดที่ 125 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบ และมีรอบเครื่องยนต์ให้ใช้มากขึ้น 650 รอบ/นาที มาไว มาเต็มกว่าเดิม จะบอกว่าไม่แปลกใจเลยครับที่จะทำให้แรงขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะตอนนี้เองก็มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้รับจากเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่าง Moto2 ที่ทาง Triumph เป็นผู้ซัพพอร์ตเรื่องเครื่องยนต์ ดีไม่ดีอาจจะทำได้แรงกว่านี้อีก

 

สำหรับคาแรคเตอร์เครื่องยนต์ตัวนี้ แรงมาดีทั้งแต่รอบต้น ๆ รอบกลาง รอบปลายเองก็ยังมีกำลังเหลือ ๆ ให้ใชงานได้สบายๆ โดยผมเองทดสอบขับขี่สามารถทำท็อปสปีดได้สูงสุด 259 กม./ชม. โดยที่สื่อบางท่านแจ้งกับผมมาว่า 261-263 ก็มี เอาจริง ๆ ผมคิดว่ามันแรงมาก ๆ แล้วละ สำหรับทางตรงสนามช้างกับรถสไตล์นี้พอว่ามันเพียงพอแล้ว

แต่ที่ประทับใจจริง ๆ คือ เทคโนโลยีใหม่อย่างคันเร่งไฟฟ้าและโหมดการขับขี่ ที่มาช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น โดยสามารถปรับได้ ถึง 5 โหมด ได้แก่ Track, Sport, Road, Rain และ Rider แต่หลัก ๆ ที่ได้ลองใช้งาน ก็จะเป็น Sport กับ Track

นอกจากนี้ตัวรถมาพร้อมควิกชิฟเตอร์ด้วย เวลาใส่เกียร์ได้ฟีลรถแข่งเลยล่ะ งานนี้ที่ผมเล่นโหมดแรงสุดเพราะเทสต์ในสนามแข่ง เน้นกำลังให้ได้มากที่สุด และจากการได้ลองก็คิดว่ามันเป็นโหมดที่มันส์สุด ๆ ที่มีในคันนี้ ผมคิดว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ สมบูรณ์แบบมาก ๆ  ถ้าพูดถึงกำลังให้ 3 ผ่านเลย เพียงพอต่อการใช้งานแบบสบาย ๆ เลยครับ

ช่วงล่างระดับท็อป

สำหรับเรื่องของช่วงล่างนั้น โมเดลนี้ทางค่ายจัดให้แบบเต็มระบบ Ohlins Smart EC2.0 ซึ่งจะเป็นโช้คปรับไฟฟ้าของทางแบรนด์สวีเดน ด้านหน้าเป็นโช้คหัวกลับ และด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวพร้อม Subtank ซึ่งระบบกันสะเทือนจะปรับอัตโนมัติตามสถานการณ์ของตัวรถ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตรงนี้คือความว้าวของระบบโช้คอัพที่ทางค่ายใส่เข้ามาให้ในตัวนี้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับได้ 3 โหมด ได้แก่

  • Dynamic = สำหรับขับขี่ความเร็วสูง จะให้ช่วงล่างที่เฟิร์ม ตอบสนองรวดเร็ว
  • Normal = สำหรับการขับขี่ทั่วไป พอดี ๆ เหมาะกับการขี่บนท้องถนนทั่วไป
  • Comfort = เน้นนุ่มนวล สบาย ๆ เหมาะกับการขับขี่เดินทางไกล ๆ

ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ให้สามารถเข้าไปตั้งค่าให้ละเอียดเหมาะสมกับการขับขี่ได้อีกด้วย

 

ในส่วนของระบบเบรกก็จัดเต็มระบบจาก Brembo ทั้งหน้าหลัง โดยเฉพาะชุดหน้าให้มาเป็นคาลิเปอร์เบรก Stylema Monoblock 4 ลูกสูบ รุ่นใหม่ล่าสุด ให้จานเบรกขนาดใหญ่มั่นใจ

 

ทางค่ายยังให้ยางที่ท็อปสุดในสายถนนอย่าง Pirelli Supercorsa SP V3 (สายฟ้า) เป็นตัวใหม่ล่าสุด เวลาขับขี่ในสนามรู้สึกมั่นใจสุด ๆ ยิ่งบนถนนยิ่งมั่นใจ ทั้งนี้ทุกอย่างที่ให้มาทั้งโช้คไฟฟ้า เบรก โหมดการขับขี่ จะถูกคำนวณด้วยเซ็นเซอร์ IMU ที่อยู่ในตัวรถทำให้การขับขี่ได้มั่นใจ ปลอดภัยในทุก ๆ ย่านความเร็ว ซึ่งทางเราได้สัมผัสมาแล้ว เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ๆ ตัวโช้คจะช่วยในเรื่องการปรับความแข็ง หนืดของตัวโช้คอัพ ซึ่งมันทำได้ดี ยิ่งช่วงที่เบรกหนัก ๆ ลึก ๆ ในสนาม เบรกก็เอาอยู่มั่นใจได้ เอาจริง ๆ มั่นใจตั้งแต่เห็นตัวแบรนด์ที่ให้มาจากโรงงานแล้วละครับ

นอกจากเรื่องระบบที่ช่วยในเรื่องความปลอดภัยที่พูดไปข้างต้นแล้วตัวรถยังมีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายต่าง ๆ อย่าง ระบบสมาร์ทคีย์และระบบครูซคอนโทรล

ท่านั่งสไตล์สปอร์ต

แน่นอนว่าตัวรถมาพร้อมแฮนด์จับโช้ค ดังนั้นท่านั่งขับขี่จึงออกมาในแบบที่ต้องก้มตัวเล็กน้อย พร้อมตำแหน่งวางเท้า ที่จะเยื้อง ๆ ไปทางด้านท้ายของตัวรถ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นรถสปอร์ต หมอบขี่ ลองนั่งขี่ดูก็ยังรู้สึกถึงความสบาย ๆ ไม่ได้ก้มหลังมาก นั่งสบาย ฟีลลิ่งเหมือนรถสปอร์ตทั่วไป

เวลาคอนโทรลตัวรถทำได้ง่าย เลี้ยวดี อาจจะเป็นเพราะช่วงล่างไฟฟ้าด้วยที่มาช่วยไว้ในส่วนนี้ และในช่วงความเร็วสูง ๆ แฟริ่งหน้าจะช่วยได้มาก ๆ เลย ลดแรงปะทะลมได้เป็นอย่างดี ตรงนี้คือข้อดีไปในตัวของส่วนนี้

คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!!

สรุปให้ตรงนี้เลย ไบคเกอร์ทั้งมือใหม่มือเก๋า ที่อยากได้รถสไตล์ Cafe Racer ล้ำสมัย เครื่องยนต์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพร้อมความแรง ไฮเทคโนโลยี ช่วงล่างไฟฟ้าปรับได้ไม่ต้องแต่งเพิ่ม มีสไตล์ที่เด่นไม่เหมือนใคร ให้ข้าวของเครื่องเครามาขนาดนี้แทบจะไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มแล้ว กับราคา 799,000 บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้มในตอนนี้..ไม่เชื่อไปลองขี่ดูจะติดใจ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version