รีวิว Rocket 3 R ครูเซอร์ยักษ์ที่แรงที่สุดในโลก
ร้อนแรงที่สุด ณ ช่วงเวลานี้กับ Triumph Rocket 3 R หลังจากเปิดตัวที่ต่างประเทศได้ไม่นาน Triumph ประเทศไทยก็ได้นำเข้ามาจำหน่ายพร้อมราคาสุดเร้าใจไม่ถึงล้านทั้งๆ ที่คันนี้ผลิตที่โรงงานอังกฤษนะครับ ไม่ใช่ผลิตไทย แถมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกและเทคโนโลยีแบบแน่นๆ เรียกว่า เราถึงกับทนความฮ็อตของมันไม่ไหวต้องรีบเคลียร์คิวจัดทดสอบเพื่อทำ รีวิว Rocket 3 R คันนี้มาก่อนคันไหนๆ
งานละเอียด
เรื่องดีไซน์รูปลักษณ์บอกตรงๆ ว่าไทรอัมพ์ไม่ค่อยจะพลาดเลยจริงๆ ต้องบอกสั้นๆ ก่อนว่างานละเอียดมากๆ ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ มากมาย เก็บงานดีมากๆ ใส่ความเป็นไทรอัมพ์ ความคลาสสิค ความเป็นรถอังกฤษไว้ในแทบจะทุกจุดสำคัญเลย ตัวรถนั้นมีขนาดใหญ่น่าเกรงขาม ดุดันและโดดเด่น ผสานเข้ากับการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวรถเผยให้เห็นเครื่องยนต์และท่อไอเสียที่เด่นชัดเจนพอๆ กับตัวรถ มีการเล่นสีสันระหว่างสีหลักของตัวรถกับสีดำของตัวเครื่องยนต์ตัดสลับกับสีโครเมียมตามแบบรถคลาสสิคได้อย่างลงตัว ถือว่าสวยงามมากจริงๆ
ไฟหน้าคู่ตามเอกลักษณ์ของทางค่าย ภายในมีโลโก้ Triumph ด้านใน ให้กำลังส่องสว่างพอๆ หรือมากกว่ารถยนต์เสียด้วยซ้ำ (ระบบไฟส่องสว่างเป็น LED ทั้งระบบแล้ว) ต่ำลงมาด้านล่างจะเห็นล้อสีดำเงาดีไซน์ใหม่แบบ 20 ก้าน ใหญ่เล็กสลับกันดีไซน์คล้ายล้อรถยนต์ ด้านหลังแฮนด์บาร์ทรงกว้างที่ติดตั้งกระจกปลายแฮนด์จะเป็นเรือนไมล์ดิจิตอล จอสีแบบ TFT ปรับความสว่างอัตโนมัติ จึงแสดงผลได้ชัดเจนทุกสภาพแสง สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลากหลาย แสดงผลได้ครบถ้วน อีกทั้งยังสามารถปรับระดับองศาการมองเห็นได้
ถัดเข้ามาอีกนิดจะเห็นสายคาดถังน้ำมันสเตนเลสและฝาถังแบบมอนซ่าที่เป็นจุดแสดงให้เห็นถึงความคลาสสิค แถมฝาปิดหม้อน้ำและฝาปิดน้ำมันเครื่องก็ยังมีดีไซน์แบบเดียวกัน แผงหม้อน้ำยังอุตส่าห์เก็บเนี้ยบใส่แถบคาดพร้อมโลโก้ค่ายมาอีก ด้านข้างด้านซ้ายห้องไอดีจะมีเพลทบอกชื่อรุ่น Rocket 3 R ด้านข้างจะมีเพลทบอกขนาดบนฝาเครื่องบ่งบอกพิกัดซีซี 2500 ซีซี และคอท่อไอเสียที่ต่อออกมาจากสามสูบพร้อมการ์ด โดยเดินท่อแบบออกด้านขวา 2 ข้างและซ้าย 1 ข้างแบบแนบเนียบมากๆ ครับ
ท่อไอเสียยังขึ้นรูปด้วยวิธีไฮโดรฟอร์มซึ่งทำให้สามารถดีไซน์ท่อได้สวยงามซับซ้อน โดยที่การไหลของไอเสียก็ยังคงทำได้ดี แถมยังให้สุ้มเสียงที่ดุดันเร้าใจ เบาะนั่งเป็นเบาะหนังสองชิ้นพร้อมโลโก้เช่นเคย พักเท้าคนขับเองก็ยังแอบมีโลโก้ไทรอัมพ์อยู่ ส่วนพักเท้าคนซ้อนนั้นต้องสังเกตหน่อย เพราะเป็นพักเท้าแบบซ่อน พับเก็บ 2 สเต็ป สีกลืนไปกับตัวซับเฟรมท้ายเลยล่ะครับ เรียกว่าขี่คนเดียวก็พับเก็บซ่อนไป หล่อไปอี๊ก
ท้ายรถจะเห็นไฟเบรกสีแดงยาวขนานไปกับครอบเฟรมท้าย โดยไฟเลี้ยวจะแยกไปอยู่กับกันดีดใกล้กับป้ายทะเบียนแทน ล้อหลังขนาด 16 นิ้วและหน้ายางขนาดใหญ่พิเศษตามสไตล์ครูเซอร์ไบค์ และเนื่องจากระบบส่งกำลังเป็นแบบขับเพลา ทำให้สามารถโชว์ความงามของดุมล้อหลังด้วยโลโก้ไทรอัมพ์เพิ่มเข้าไปได้อีก โชว์ความงามของหล่อได้ชัดเจนยิ่งขึ้น กระทั่งยางที่ใส่มายังใส่ยางอังกฤษมา พร้อมกับด้านข้างยางที่มีลวดลายธงชาติอังกฤษอีกด้วย เก็บทุกเม็ดสุดๆ ครับคันนี้
ขุมพลังขนาดยักษ์
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นถือว่าเป็นที่สุดในหลายๆ ทางเช่นกันครับ เรียกว่าไม่ใช่แค่ดีไซน์และความงามที่มาแบบจัดเต็ม แต่เครื่องยนต์ก็จัดหนักแบบที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบขนาด 2,458 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเคลมแรงม้ามาที่ 167 แรงม้าที่ 6,000 รอบ และแรงบิดที่ 221 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ ซึ่งจัดว่าแรงที่สุดในโลก กระทั่งมีสถิติเวลาเร่งความเร็ว 0 – 96 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 2.73 วินาที ทั้งๆ ที่รถหนักมากถึง 291 กก. ซึ่งเร็วกว่าที่ทางค่ายเคยเคลมไว้ที่ 3.2 วินาที เรียกว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมหาศาลจริงๆ สมกับคำว่า โคตรแรงและแรงที่สุดในโลกแล้วจริงๆ ครับ
จากการทดสอบก็รับรู้ได้จริงๆ ว่าแรงบิดมหาศาลมันเป็นยังไง การเร่งแซง การเร่งความเร็ว สามารถทำได้ง่าย สบายๆ มั่นใจ เลย เพราะแรงบิดมามากตั้งแต่รอบน้อยๆ โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่เกียร์ 1 – 3 แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแรงจนเป็นม้าพยศ เพราะตัวรถมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มาช่วยเสริมความปลอดภัยในจุดนี้ บวกกับระบบส่งกำลังไปที่ล้อหลังด้วยระบบเพลาขับ ทำให้ได้ความนุ่มนวลในการเดินคันเร่ง แต่ถ้าหากปิดตัวแทร็คชั่นคอนโทรลอาจจะเกิดการปัดของล้อหลังได้ ซึ่งจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพราะอาจคุมไม่อยู่ก็ได้ เพราะกำลังที่ให้มานั้นล้นเหลือมากๆ
เอาอยู่
มาถึงช่วงล่าง เป็นส่วนสำคัญมากๆ เลย แน่นอนว่าช่วงล่างที่ให้มาถือว่าดีมากๆ โดยเฉพาะในส่วนของระบบเบรก ระบบกันสะเทือนนั้นอาจจะยังไม่ถึงขีดสุด แต่ก็ถือว่าดี โดยระบบกันสะเทือนที่ให้มานั้นเป็นของ Showa ผลิตให้ ด้านหน้าจะเป็นแบบอัพไซด์ดาวน์ ซึ่งตอนทดสอบรู้สึกถึงความกระด้างอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เราสามารถปรับเซ็ตค่าต่างๆ ได้ ทั้งคอมเพรสชั่นและรีบาวด์ได้ ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวแบบซับแทงค์ ทำงานได้ดี ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
ระบบเบรกนั้นเรียกว่าจัดเต็มจัดหนัก เพื่อให้ตอบโจทย์กับเครื่องยนต์ที่ทรงพลังแรงดุจจรวดสมชื่อ Rocket 3 R ของครูเซอร์ไบค์ยักษ์คันนี้ ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่พร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema เรเดียลเมาท์โมโนบล็อก แบบเดียวกับที่ใส่ในซูเปอร์ไบค์ตัวพัน จัดชิ้นส่วนของ Brembo มาให้เน้นๆ ด้านหลังเองก็เป็นคาลิเปอร์เบรก Brembo แต่ให้มาเป็น M4 แบบ 4 ลูกสูบเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ยังมีระบบเบรกแบบ Cornering ABS ช่วยเสริมความปลอดภัยไปอีกขั้น เรียกว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถกำเบรกได้เลย ไม่มีอาการรถตั้งขึ้นแล้วหลุดโค้งแน่นอน
นอกจากนี้ตัวรถยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกหลายอย่างด้วยซึ่งช่วยทั้งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เช่น แทร็คชั่นคอนโทรลที่งานร่วมกับ IMU (IMU หรือหน่วยประมวลผลจากแรงเฉื่อย 6 แกน ซึ่งจะคอยตรวจจับการเคลื่อนที่และอัตราเร่งของรถในแนวแกนต่างๆ เพื่อให้รู้ว่ารถนั้นกำลังอยู่ในสถานะไหน และช่วยประมวลผลร่วมกับระบบต่างๆ อย่าง แทร็คชั่นคอนโทรลและ Cornering ABS) ระบบช่วยเบรกบนทางลาดชัน ครูซคอนโทรล โหมดการขับขี่มากถึง 4 โหมด Rain, Road, Sport และ Rider ซึ่งในแต่ละโหมดก็จะปรับลดกำลังเครื่องยนต์ รวมไปถึงการตอบสนอง และการทำงานแทร็คชั่นคอนโทรลให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ รวมไปถึงในโหมด Rider ที่จะเป็นโหมดปรับเซ็ตค่าต่างๆ ได้เอง ให้เหมาะกับเจ้าของรถเองได้ ระบบกุญแจแบบคีย์เลส สามารถสตาร์ทรถ ปลดและล็อกคอรถได้โดยไม่ต้องเสียบกุญแจ ช่องจ่ายไฟแบบ USB นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์เสริมเพิ่มความทันสมัยได้
ชิลล์ๆ ทุกทางไกล
เรื่องการขับขี่นั้นบอกเลยว่านั่งสบายมากๆ เพราะเป็นเบาะนั่งนุ่มสบาย และไม่สูงมาก แฮนด์บาร์กว้าง ให้ท่านั่งหลังตรง แต่คนไม่คุ้นเคยต้องระวังนิดนึงนะครับ เพราะมิติตัวรถนั้นมีขนาดใหญ่และยาว ซึ่งมันเป็นปกติของรถในสไตล์นี้อยู่แล้ว ถังน้ำมันนั้นมีขนาดใหญ่ถึง 18 ลิตร ซึ่งก็เหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์ ช่วยอำนวยความสะดวกเหมาะกับการเดินทางไกล ออกทริป ตามแบบฉบับของคนขี่ครูเซอร์ไบค์อยู่แล้ว ในเรื่องการปรับใช้งานโหมดต่างๆ ทำได้ง่าย ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด ด้วยปุ่มควบคุมทางแฮนด์บาร์ด้านซ้าย เรียกว่าสะดวกสบาย
สิ่งที่จะติดอยู่นิดนึงคือ มิติของตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่และความร้อนของเครื่องยนต์ ซึ่งไม่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองเท่าไหร่นัก แต่น่าจะเหมาะกับการขับขี่เดินทางไกล ออกทริปมากกว่า ถ้าขี่ช่วงอากาศหนาวๆ ก็คงจะเวิร์กไม่น้อยเลยล่ะครับ แต่อากาศช่วงที่เราทดสอบมันก็หน้าร้อน แถมนี่เมืองไทยด้วย อีกข้อคืออาจจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะรถมีน้ำหนักมาก อาจจะมีปัญหาได้ครับ
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องเครื่องยนต์ ระบบต่างๆ รายละเอียดการออกแบบ ถือว่าสามผ่าน ติดตรงเรื่องของขนาด น้ำหนักและความร้อนที่ค่อนข้างมากนี่ล่ะครับ เกือบลืมไปครับ กับเรื่องของความคุ้มค่าถือว่าคุ้มค่าสุดๆ เพราะราคานั้นอยู่ที่ 955,000 บาท เมื่อลองคิดดูจากสเป็กที่ให้มา ความเนี้ยบของงาน รวมไปถึงขนาดของเครื่องยนต์ บอกเลยว่าราคาเร้ามากจริงๆ ครับ
สเปก Rocket 3 R 2020
เครื่องยนต์ | 3 สูบเรียง 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 2458 ซีซี |
ระบบวาล์ว | 4 วาล์วต่อสูบ แบบ DOHC |
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก | 110.2 X 85.9 มม. |
อัตราส่วนการอัด | ไม่ระบุ |
ระบบเกียร์ | 6 สปีด |
ระบบจุดระเบิด | อิเล็กทรอนิกส์ |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | หัวฉีด |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบคลัตช์ | คลัตช์ไฮดรอลิกและทอร์คแอสซิสต์ |
ยาว X กว้าง X สูง | NA X 889 X 1,065 มม. |
ขนาดยางหน้า | 150/80-R17 V แบบไม่ใช้ยางใน |
ขนาดยางหลัง | 240/50-R16 V แบบไม่ใช้ยางใน |
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คหัวกลับ Showa ขนาด 47 มม.ปรับคอมเพรสชั่นและรีบาวด์ได้ ระยะยุบ 120 มม. |
ระบบกันสะเทือนหลัง | สวิงอาร์มเดี่ยว และโช้คเดี่ยว Showa แบบมีซับแทงค์ ปรับแต่งได้เต็มระบบพร้อมรีโมต ระยะยุบ 107 มม. |
เบรคหน้า | ดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 มม. คาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อกแบบเรเดียลเมาท์ Brembo M4.30 Stylema 4 ลูกสูบ พร้อมระบบเบรก Cornering ABS |
เบรคหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยวขนนาด 300 มม. คาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อก Brembo M4.32 4 ลูกสูบ พร้อมระบบเบรก Cornering ABS |
ระยะฐานล้อ | 1,677 มม. |
ความสูงเบาะ | 773 มม. |
น้ำหนักรถ | 291 กก. |
ความจุถังน้ำมัน | 18 ลิตร |
ราคา | ราคา 955,000 บาท |
ขอบคุณรถทดสอบจาก Triumph Britbike
สนใจติดต่อขอทดสอบรถได้ที่ https://www.facebook.com/triumphpraram9/
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก