Home รีวิวและทดสอบ รีวิว PCX 160 e:Hev ม้านอกสายตาที่ห้ามมองข้าม

รีวิว PCX 160 e:Hev ม้านอกสายตาที่ห้ามมองข้าม

0
รีวิว PCX 160 e:Hev

รีวิว PCX 160 e:Hev ม้านอกสายตาที่ห้ามมองข้าม

สวัสดีครับแฟนๆ SuperBike Thailand คราวนี้เราก็ได้มีโอกาสมาทดสอบเจ้า Honda PCX 160 e:Hev หรือเรียกง่ายๆ ว่าเจ้า PCX ไฮบริดนั่นเอง 

โดยปกติแล้วโมเดลพีซีเอ็กซ์ก็จัดเป็นโมเดลยอดนิยมขายดีเป็นเบอร์ต้นๆ ของสกู๊ตเตอร์ในบ้านเราอยู่แล้ว และครั้งนี้ได้มีการต่อยอดกลายเป็นสกู๊ตเตอร์ไฮบริดซึ่งก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมาอาจจะทำให้มันกลายเป็นม้านอกสายตาไปซะอย่างนั้น เราก็เลยถือโอกาสมาพิสูจน์กันว่ารถนอกสายตาคันนี้นั้นมันเป็นยังไง คุ้มมั้ยกับเงินที่จ่ายเพิ่ม ไปดูกันเลยครับ 

 

รูปหล่อโดดเด่น

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกนั้นแม้ว่าดีไซน์จะไม่ต่างจากโมเดลปกติ แต่สำหรับโมเดลไฮบริดนี้ก็ยังสามารถเรียกได้ว่าโดดเด่นสะดุดตา ด้วยสีสันบนตัวรถสีขาวตัดแต้มด้วยสีน้ำเงินและสีดำ เบาะนั่งสีดำสำหรับน้ำเงิน พร้อมโคมไฟหรี่สีฟ้าตามสไตล์รถไฮบริดเพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

 

ขุมพลังไฮบริด

สำหรับเครื่องยนต์นะครับจะเหมือนกับตัวปกติเลยคือใช้เครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 157 ซีซีเช่นเดียวกัน แต่จะมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ตัวระบบ eHEV หรือระบบไฮบริด ทำงานประสานกัน เมื่อบิดคันเร่ง กล่อง PDU จะสั่งการไปที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ให้ส่งพลังงานไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าทํางานผสานกับเครื่องยนต์ ซึ่งเจ้ามอเตอร์ไฟฟ้าเนี่ยจะช่วยเพิ่มกำลังให้รถได้มากเลย และจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ 

 

ช่วงล่างเนียนนุ่ม

 

สำหรับช่วงล่างจะไม่แตกต่างอะไรจากโมเดลปกติครับ มีการออกแบบใหม่ในส่วนของระบบกันสะเทือนและอัปเกรดระบบเบรกจากตัวโมเดลเก่า โดยในส่วนของระบบกันสะเทือน ด้านหน้ายังคงเป็นโช้คแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังเป็นโช้คคู่แบบยูนิตสวิง แต่มีการเพิ่มความยาวของโช้คอีก 10 ม.ม. จากเดิม 85 มิลลิเมตรเป็น 95 มิลลิเมตร

ส่วนระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว แต่จะมีระบบเบรก ABS เฉพาะด้านหน้าเท่านั้น 

 

ทดสอบขับขี่ รีวิว PCX 160 e:Hev

ท่านั่งการขับขี่

ท่านั่งการขับขี่โดยรวมเหมือนกับตัว PCX160 ปกติทั่วไป การวางเท้า เบาะนั่ง 2 ระดับ ความกว้างระยะแฮนด์ ออกแบบมาได้ดี เวลาขับขี่ในเมือง ซอกแซกรถติดๆ ทำได้คล่องตัว ขี่ได้ง่ายมากๆ ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัว สำหรับในส่วนนี้

ที่พิเศษกว่าสกู๊ตเตอร์คันอื่นๆ แท่นยางตัวแฮนด์บังคับเลี้ยวมีบูชยางที่สามารถให้ตัวได้ เป็นลูกเล่นที่นำมาจากฮอนด้าบิ๊กไบค์ เอามาใส่ลงในคันนี้อีกด้วยเพื่อที่จะช่วยเสริมความนุ่มนวลในการเบรก การขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่ชิน แต่ถ้าชินแล้วจะบอกเลยว่าสิ่งนี้ตอบโจทย์คนในเมืองแน่นอน

 

ช่วงล่างนุ่มนวล ขี่สนุกมั่นใจ

ช่วงล่างตัว 160 มีการปรับระยะของตัวโช้คอัพด้านหลังให้มีความสูงมากขึ้น 10 มิลลิเมตร จากเดิม 85 มิลลิเมตรเป็น 95 มิลลิเมตร ช่วยในการซับแรงกระแทกได้ดีขึ้นและสำหรับตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่จะช่วยรับน้ำหนักจากแบตเตอรี่ลิเทียมของระบบไฮบริดที่อยู่ท้ายรถไปในตัวด้วย

สำหรับการใช้งานในเมืองถือว่าตอบโจทย์เรื่องความนุ่มนวลของตัวโช้คอัพ สามารถเก็บรอยต่อถนน คอสะพานได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงขนาดล้อแม็กที่ปรับด้านล้อหลังให้มีขนาดเล็กลงจากเดิม 14 นิ้ว เป็น 13 นิ้ว และมีขนาดยางมีใหญ่ขึ้นช่วยเสริมความมั่นใจในการขับขี่ให้ฟีลลิ่งที่ดีขึ้นกว่าตัวก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

ในส่วนของตัวเบรก ในรุ่นนี้อย่างที่รู้ๆ กัน ให้ดิสก์เบรกหน้า-หลัง มั่นใจขึ้นเป็นกองแถมมีระบบความปลอดภัยจากโรงงานอย่าง ABS ที่อยู่ที่ล้อหน้า ช่วยเสริมความปลอดภัยขึ้นไปอีก เวลาเบรกได้ระยะที่สั้นลง ถูกใจขาซิ่ง

 

ระบบไฮบริดที่คุณต้องลอง

เครื่องยนต์ผสมผสานระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ลิเทียม เสริมให้แรงขึ้นไปอีกในระดับนึง ต้องบอกเลยว่าเป็นรถที่ขับขี่ในเมืองได้ปรู๊ดปร๊าดมากๆ แถมเครื่องยนต์ eSP+ 160 ซีซี ตัวใหม่ 4 วาล์ว ยังเสริม Piston Oil Jet มาหลอลื่นฉีดน้ำมันใต้ลูกสูบ ทำให้เครื่องยนต์ไหลลื่นขี่ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อบวกกับ Motor Assist ที่จะเพิ่มแรงขับให้กับตัวรถโดยผ่านการทำงานจากกล่อง PDU ประมวลผลไปที่แบตเตอรี่ลิเทียมไลออน ถือว่าเป็นรถที่ให้กำลังดีที่สุดในคลาสเลยก็ว่าได้ครับ

พอได้มาลองใช้ Riding Mode ที่เป็นลูกเล่นที่พิเศษกว่าตัวอื่นๆ เพราะคันนี้คืนที่สุดของเทคโนโลยีในคลาสนี้ ผมคิดว่าโหมด D = Drive  สำหรับผมถือว่าเป็นโหมดปกติ ที่ไม่ได้มีแรงเสริมจากมอเตอร์มากมายนัก ขับขี่ปกติชิลล์ๆ ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป 

แต่สำหรับโหมด S = Sport  ผมรู้สึกได้เลยว่า เครื่องยนต์ได้รับแรงเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเยอะเลยทีเดียว ทำให้การออกตัวรู้สึกได้เลยว่าแรงขึ้น ออกตัวได้เร็วขึ้นกว่าโหมด D พอสมควร เป็นโหมดที่จะตอบโจทย์สำหรับวันที่เร่งรีบ หรืออยากสนุกกับการขับขี่ เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้มอเตอร์ไฟฟ้าไม่ใช่เพียงแต่จ่ายไฟเท่านั้น ตัวระบบจะประมวลผลสั่งการให้มอเตอร์ไฟฟ้ารีชาร์จไฟกลับคืนสู่แบตเตอรี่อีกด้วยทำให้ประจุไฟฟ้ามีใช้อย่างเพียงพอต่อการขับขี่อย่างแน่นอน (แสดงบนเรือนไมล์ดิจิทัล)

นอกจากนี้ระหว่างถ่ายทำมีฝนตกลงมา ผมก็เลยได้ลองใช้ระบบ HSTC ซึ่งมันก็คือ Traction Control นั้นเอง ระบบที่ช่วยตอนฝนตก ทำให้ขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ป้องกันการล้อหมุนไม่เท่ากัน พอฝนตกถนนลื่น ระบบจะตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ รักษาการทรงตัวของตัวรถทำให้ขับขี่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม 

แต่ว่าสำหรับโมเดลไฮบริดนี่ก็มีข้อด้อยลงมาบ้างเหมือนกันครับ คือจะมีมีค่าบำรุงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มขึ้นตามอายุการใช้งาน และช่องเก็บของใต้เบาะมีขนาดความจุน้อยลงจากการมีแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดเพิ่มเข้ามา

ทั้งนี้ Honda PCX 160 e:HEV จะมีจำหน่ายสีเดียวคือสีขาว-น้ำเงิน โดยจะมีราคาแนะนำอยู่ที่ 107,500 บาท ซึ่งก็ถือว่าราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียวสำหรับรถคลาสนี้ แต่ก็จะได้ความแรงเพิ่มขึ้นมาครับ งานนี้ใครชื่นชอบความแรงและเทคโนโลยีบอกถือว่าคุ้ม แต่คนงบน้อยก็แนะนำว่าตัวธรรมดาก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะครับ

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version