รีวิว Husqvarna Svartpilen 401
ของดีที่เกินกว่าคำว่า..คุ้ม
พักหลังมานี้ใครที่ติดตามข่าวสารจากทาง SuperBike Thailand คงอาจได้เห็นข่าวสารของทาง KTM หรือ Husqvarna เผยแพร่ออกมาซักระยะแล้ว นอกเหนือจากข่าวคราวในวงการมอเตอร์สปอร์ต ข่าวสารของฝั่งทางโกลบอล การเปิดตัวโมเดลในไลน์อัพปีล่าสุด หรือแม้กระทั่งข่าวสารทั่วไปในบ้านเราก็เริ่มกลับมาสร้างโนว์ฮาวเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และเพื่อไม่พลาดในโอกาสนี้ ทางทีมงานขออนุญาตหยิบโมเดลที่น่าสนใจมารีวิวให้ชมโดยประเดิมรุ่นแรกกับสายสแครมเบลอร์กับ รีวิว Husqvarna Svartpilen 401 สุดพรีเมียมรุ่นนี้ ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นรุ่นพรีเมียมที่คุ้มค่า ในราคาค่าตัว 168,000 บาท แล้วคุ้มค่ายังไง ?
ดีไซน์พรีเมียม ที่คุ้มค่า
![]() |
![]() |
สวยงามเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะรูปทรงแฟริ่ง พร้อมสัดส่วนดีไซน์ซึ่งมองครั้งแรกก็รู้แล้วแหล่ะ ฮุสควาน่า ฮัสกี้ แน่นอน อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้แน่ชัดก็คือไฟหน้าทรงกลมเรโทรขนาดใหญ่ ใหญ่มาก..เอกลักษณ์ของแบรนด์นี้เลย ใช้เกือบแทบทุกรุ่นถ้าไม่ใช่สายเอนดูโร่ รถสูตรทางลุย หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่รหัส 801 ที่ปรับมาใช้ไฟเสี้ยวพระจันทร์แล้ว นี่แหล่ะ..บ่งบอกความเป็นฮุสควาน่า อัสกี้ หมาป่าล่าเนื้อจากแดนไวกิ้งได้อย่างชัดเจน
![]() |
![]() |
แฮนด์บาร์ยกเยื้อง ในแบบสแครมเบลอร์ | ยาง Dual Purpose จาก Pirelli Scorpion Rally STR |
เพิ่มสไตล์ความเป็นสแครมเบลอร์อย่างเต็มพิกัด ด้วยแฮนด์เดิ้ลบาร์ออกแบบยกเยื้อง บวกกับยาง Dual Purpose จาก Pirelli Scorpion Rally STR พร้อมคุณสมบัติการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม และเป็นแบรนด์ฮิตสำหรับสายลุยติดรถมาให้เลย บวกกับไดเมนชันออกแบบให้มีสรีรศาสตร์การขับขี่ค่อนข้างสบาย และคอนโทรลควบคุมได้ง่ายไม่ยากเย็น

บอดี้ตัวถังมีความผอมเพรียว จับคู่กับชุดแฟริ่งควบคู่กับเบาะโดยสารพร้อมมือจับคนซ้อน มีการตกแต่งด้านข้างเล็กน้อยสำหรับโลโก้แบรนด์ พร้อมรหัส 401 เด่น ๆ ซึ่งนอกจากความผอมเพรียวแล้วยังมาพร้อมกับความแข็งแรงด้วยการใช้เฟรมถักพาวเวอร์โค้ทยึดกับสวิงอาร์มคู่ พร้อมกับวางบล็อกเครื่องยนต์ในระนาบศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งดูเหมือนเป็นลักษณะดิบเปลือยแต่ยังมีกลิ่นอายของความเรโทรคลาสสิกผสมคลุกเคล้าอย่างกลมกลืน
![]() |
เรือนไมล์ทรงกลม ดิจิทัล LCD |
![]() |
ไฟหน้าทรงกลม สวยเสน่ห์สไตล์เรโทร |
![]() |
การ์ดถังน้ำมัน |
![]() |
ท่อไอเสียตรงรุ่น |
สมรรถนะที่เกินคุ้มกับเครื่องยนต์ 373 ซีซี มีควิกชิฟเตอร์และคันเร่งไฟฟ้า

อีกหนึ่งเกินความคุ้มค่าที่น่าสนใจก็คือเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ กับสูบเดียวขนาด 373 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีพละกำลังแรงม้าถึง 44 แรงม้าที่ 9,000 รอบ แรงบิด 37 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ ระบบเกียร์ 6 สปีดพ่วงมาพร้อมควิกชิฟเตอร์และระบบคันเร่งไฟฟ้า อัดแน่นมาพร้อมกับถังน้ำมันดีไซน์เพรียวบางขนาด 13 ลิตร รวมทั้งยังผ่านการรับรอง Euro5 เป็นที่เรียบร้อย
ฟีลลิ่งการทดสอบ
ด้วยพื้นฐานของเครื่องสูบเดียวพร้อมคันเร่งไฟฟ้าที่ติดตั้งมาให้บวกกับค่าสเปคแรงม้าที่เคลมมาจากโรงงานก็พอการันตีได้ว่า ไอ้นี่..มาแนวดิบ บิดพุ่งแน่นอน แล้วก็เป็นเรื่องจริง ตบเกียร์ 1 ผ่อนคลัตช์แบบยังไม่เปิดคันเร่งก็พร้อมพุ่งทะยานแล้ว ขนาดปรับก้านคลัตช์ให้ตึงเพราะชอบขี่ตึง ๆ (ไม่เกี่ยว) พอจับถึงอารมณ์เกรี้ยวกราดของเจ้ารุ่นนี้แม้จะอยู่ภายใต้ดีไซน์อันสวยงามก็เถอะ
มันเป็นรถที่ควบคุมได้ง่ายใช่ไหม..ใช่ แฮนด์เดอริ่งง่ายมาก ๆ รถหน้าเบาคอลโทรลง่ายแถมยังให้ความคล่องตัว ด้วยรอบต้นที่ให้มาค่อนข้างจัดจ้าน เดินคันเร่งออกตัวรอบขึ้นค่อนข้างไว สามารถขับขี่ซิกแซกแอบปาดได้โดยไม่ต้องเค้นเปลืองแรง (แต่ก็ควรระมัดระวัง) ซึ่งถ้าหากมีพื้นฐานการขับขี่เป็นทุนเดิมหรือเรียนขี่รถมาอยู่แล้วต้องบอกว่ามันสนุกเสียจริงหรือจะเรียกนินจาตัวน้อยดี ๆ เลยก็ว่าได้
ด้วยความที่เป็นรถทรงเพรียว หน้าเบาผสมกับความจัดจ้านของเครื่องยนต์ ย่อมตามมาด้วยคำถามว่าถ้าขี่ด้วยความเร็วสูง ๆ หน้าจะส่ายไหม ตอบเลยว่า..ส่ายแต่ไม่มาก (ช่วงล่างค่าเดิมจากโรงงาน) แต่สิ่งหนึ่งที่จะกล่าวก็คือ เขาออกแบบระยะกราวด์เคลียแรนซ์ให้ดูต่ำ (180 มม.) หรือภาษาชาวบ้านที่เรียกว่าวางเครื่องศูนย์ถ่วงต่ำรวมถึงช่วงโซนหน้ารถเช่นกัน ซึ่งมันจะช่วยในเรื่องของความนิ่งเสถียรได้ค่อนข้างดีและยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น ไม่โหยงเหยงทำเสียวก็เถอะ
นั่นอาจเป็นข้อดีสำหรับการขับขี่บนถนนทางดำ แต่อาจเป็นข้อจำกัดในเรื่องของทางฝุ่นแบบสุดโต่ง ขี่ลุยได้ไหม..ขี่ได้ บนพื้นทางทราย ทางดินลูกรังทั่วไปหรือเอาไปขี่ Flat Track ได้ยิ่งสนุก แต่ถ้าหากจะเอาไปขี่แบบลุยจ๋า ๆ ก็ต้องขอห้ามไว้ก่อน ถึงจะมีอกล่างติดมาให้ก็เอาไม่อยู่นะจ๊ะ
ระบบช่วงล่าง นี่คือ The Best
![]() |
![]() |
คาลิเปอร์เบรกจาก Bybre | ระบบช่วงล่างจาก WP APEX |
และเดอะเบสที่สุดในเรื่องของระบบช่วงล่างสำหรับรุ่นนี้ ของเทพยัดมาแน่น ๆ โช้คอัพหัวกลับจาก WP APEX พร้อมระยะยุบที่ 150 มม. (ปรับคอมเพรสชันและรีบาวด์) โช้คเดียวด้านหลังก็เช่นเดียวกันให้ระยะยุบเท่ากัน (ปรับพรีโหลดและรีบาวด์) พ่วงกับระบบเบรกจาก Bybre ขนาด 4 ลูกสูบจับคู่จานดิสก์ด้านหน้าขนาด 320 มม. รวมถึงด้านหลังแบบลูกสูบเดียวพร้อมดิสก์เบรกขนาด 240 มม. มีระบบ ABS ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง รวมถึงฟังก์ชันเปิด-ปิดระบบ ABS (โหมด Supermoto) ใส่ล้อแม็กขนาด 17 นิ้วเท่ากัน (เสียดายน่าได้ล้อซี่) และยาง Pirelli Scorpion Rally STR ขนาด 110 หน้าและ 150 หลัง
นับว่าเป็นแสครมเบลอร์ที่มีระบบช่วงล่างที่เพอร์เฟคที่สุดในคลาส 400 กับระยะยุบที่ให้มามากกว่าเจ้า Vitiplen จึงสอดคล้องกับการขับขี่ได้หลากหลายสไตล์ และยิ่งขับขี่ทางเรียบอย่างที่กล่าวไป สามารถปรับค่าความยุบ..คืนตัวของสปริงโช้คได้เพื่อการเข้าโค้งที่เรียบคมมากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งเรื่องก็คือระบบเบรกใช้ได้เลยตามมาตรฐานการใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าจะมีสายลุยคันนี้ทั้งที หาปั้มเทพ ๆ มาใส่ดีกว่า Brembo ก็ได้ Accossato ก็ดี
ถ้าหากให้เทียบกับค่ายอื่น ๆ รุ่นนี้คือดีสุด พร้อมชนรถฝั่งอังกฤษหรือแม้กระทั่งอิตาลี ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปเทียบสเปคดูกันได้ สำหรับรุ่นนี้พร้อมให้จำหน่ายแล้วกับสีดำ ในราคา 168,000 บาทเท่านั้น เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือขับขี่ออกทริปขี่ทางไกลหรือจะลุยทางฝุ่นก็ย่อมทำได้ และสิ่งพิเศษก็คือความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใครกับฮุสควาน่า ฮัสกี้ รุ่นนี้ ใครที่กำลังสนใจก็ลองมาชมตัวจริงหรือลองมาทดสอบขับขี่ได้ที่ศูนย์บริการตัวแทนจำหน่าย KTM Husqvarna สาขาใกล้บ้านท่านได้เลย
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก