ยินดีที่ได้เห็นรุ่นนี้กลับมาอีกครั้ง สำหรับการ รีวิว CBR600RR โมเดลซูเปอร์สปอร์ตค่ายปีกนก การกลับมาครั้งนี้ถือว่าเป็น All New เลยก็ว่าได้เพราะจัดเต็มมาทุกส่วนทั้งแฟริ่ง เครื่องยนต์ เทคโนโลยีแบบจัดเต็มมาให้แบบไม่น้อยหน้าค่ายอื่นเลย
ในครั้งนี้ได้มีโอกาสทดสอบกันในแทร็กระดับโลก สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต บุรีรัมย์ ในการทดสอบครั้งนี้จะเป็นรอบสื่อมวลชน ถือว่าเป็นสื่อมวลชนกรุ๊ปแรกที่ได้ทดสอบกันในแทร็กอย่างเป็นทางการ เป็นเรื่องดีเลยทีเดียวเพราะในการทดสอบจะได้ทดสอบกันแบบเต็มไม้เต็มมือ บิด เบรกกันได้เต็มที่ แถมความปลอดภัยเต็มร้อยอีกด้วย ซึ่งก็ต้องขอบคุณ เอพี ฮอนด้า ที่ได้ปิดสนามให้ทดสอบกันเต็มที่ในครั้งนี้ด้วยครับ
เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าหลายๆ คนคงอยากจะรู้แล้ว่าเจ้าหกร้อยคันนี้มีอะไรดีบ้าง ฟีลลิ่งเป็นยังไง?
ดีไซน์ด้วยเทคโนโลยีจากรถแข่ง MotoGP
การดีไซน์ที่เฉียบคม เส้นสายรอบตัวรถออกแบบให้มีทางเดินอากาศลดแรงเสียดทาน ทำให้มีส่วนช่วยให้รถนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงออกแบบแฟริ่งหน้ากากด้านหน้าให้มีช่องดักลมเข้าคอไอดีเหมือนกันตัว CBR1000RR-R ยังออกแบบทางเดินอากาศเข้าไประบายความร้อนได้อย่างเต็มที่ อกแฟริ่งด้านล่างที่มีการออกแบบเหมือนรถแข่งเพื่อที่จะลดแรงต้านที่ล้อหลังช่วยได้เยอะขึ้น
ออกแบบถังน้ำมันใหม่สไตล์รถแข่ง ถูกออกแบบให้มีการบาลานซ์น้ำหนักให้ใกล้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถมากที่สุดทำให้การควบคุมรถ เวลาเลี้ยวหรือการเปิดคันเร่งเข้าโค้งทำได้ดีขึ้น และยังมีการปรับมุมเรือนไมล์ TFT ใหม่เพื่อเวลาหมอบไม่ต้องละสายตามากจนเสียสมาธิควบคุม
เรือนไมล์จอสีแบบ TFT ที่สามารถแสดงสถานะต่างๆ ของรถคันนี้ได้ทั้งหมด อาทิเช่น ความเร็ว รอบเครื่องยนต์ อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ไฟเลี้ยว ไฟสูง สถานะ HSTC สถานะการเตือนเปลี่ยนเกียร์ Shift Light และยังสามารถปรับการตั้งค่าการขับขี่ Riding Mode ได้อีกด้วย ฟังก์ชั่นเยอะมีให้ใช้แบบเหลือๆ ไปจนถึงฟังก์ชั่น Lap Timer ที่สามารถจับเวลาต่อรอบได้อีกด้วย
เฟรมใหม่ เป็นโครงสร้างแบบอลูมิเนียมทวินทูบเฟรมที่ประกอบไปด้วยพาร์ทอลูมิเนียมดายแคสต์ 4 ชิ้นโดยมีชิ้นส่วนที่แข็งแรงอย่างโดยเฉพาะส่วนของคอรถที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เฟรม หลักการของเฟรมตัวนี้จะรวมมวลทั้งหมดเข้ามาอยู่จุดศูนย์กลางที่ได้ออกแบบเครื่องยนต์ ถังน้ำมัน ให้อยู่ใกล้กันมากที่สุดทำให้เวลาขับขี่จะรู้สึกควบคุมได้ง่าย
รวมไปถึงตัวสวิงอาร์มที่ออกแบบใหม่เพิ่มบาลานซ์ปรับโครงสร้างภายในตัวสวิงอาร์มใหม่ลดน้ำหนักทำให้เบากว่าตัวเดิม ซึ่งสองอย่างนี้เป็นปัจจัยหลักเลยก็ว่าได้ที่จะทำให้รถคันนี้ได้ฟิวลิ่งที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงล่างมาเต็มมาแน่น
โช้คอัพด้านหน้าให้มาเป็นแบบหัวกลับ Upside-Down จาก Showa ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 ม.ม. ตัวกระบอกสไลด์เป็นสีดำ (แต่ในใจผมเองอยากให้เป็นสีทอง) ภายในเป็นลูกสูบขนาดใหญ่ สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งพรีโหลด คอมเพรสชันและรีบาวด์แดมปิ้ง ทั้งยังปรับได้ง่ายตามความต้องการ
โช้คอัพด้านหลังเป็นแบบซับแทงก์ ทำงานร่วมกับ Unit pro link ถูกติดตั้งระหว่างเฟรมกับสวิงอาร์ม สามารถปรับตั้งค่าได้เช่นเดียวกันกับโช้คหน้า โดยเลือกปรับตามความต้องการที่จะใช้งานได้เลย
กันสะบัดไฟฟ้า HESD ถูกติดมาให้จากโรงงานถูกติดตั้งให้ใกล้กับแผงคอด้านบน เพราะในการทำงานของตัวกันสะบัดจะทำงานตามความแรงของการสะบัดจากแฮนด์บังคับเลี้ยว ทำให้การติดตั้งให้ใกล้กับจุดศูนย์กลางของแฮนด์ก็จะสามารถทำงานได้ดีที่สุด แถมไม่กินพื้นที่ส่วนอื่นของตัวรถด้วย
ระบบเบรก
เบรกด้านหน้า Tokico ดิสก์คู่เป็นคาลิเปอร์แบบเรเดียลเมาท์ 4 สูบ มาพร้อมกับจานเบรกแบบโฟลตติ้ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 320 ม.ม. และด้านหลังเป็นคาลิปเปอร์ Nissin ลูกสูบเดี่ยวน้ำหนักเบา ดิสก์เบรกด้านหลังมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 220 ม.ม.
ล้อและยางหน้าหลัง
ล้อที่ให้ติดมาจากโรงงานเป็นแบบ 6 ก้านคู่เส้นรอบวงขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์คล้ายกับตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว Y พร้อมด้วยยางขนาด 120/70 ZR17 และขนาด 180/55 ZR17 ตามลำดับ
ขุมพลัง Supersport 600 CC. ปลายไหลๆ
เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาดความจุ 600 ซีซี เส้นผ่าศูนย์กลางลูกสูบ 67 มิลลิเมตร ระบบจ่ายน้ำมันเข้าเครื่องยนต์แบบหัวฉีด PGM Fi แบบคู่ Dual Stage Fuel injection เครื่องยนต์ระบายความร้อยด้วยน้ำ
เกียร์ 6 สปีด เครื่องยนต์ตัวนี้สามารถให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 120 ที่รอบเครื่องยนต์ 14,000 รอบ/นาที และยังให้แรงบิดสูงสุดที่ 64 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบ/นาที วิ่งดีกว่าเดิมแน่นอน
เครื่องยนต์ตัวนี้ยังมีการพัฒนามาใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการประจุไอดีและเผาไหม้ทั้งหมด มีลิ้นปีกผีเสื้อ 44 ม.ม. และพอร์ทไอดีใหม่ แบบ Direct to head ดีไซน์ทางเดินอากาศใหม่จากลิ้นปีกผีเสื้อถึงหลังใบวาล์วได้มีการออกแบบใหม่ทำให้มีส่วนที่โค้งมนมากขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพการเร่งดี รวดเร็วมากขึ้น 2.2%
ตัวฝาสูบแบบใหม่ ได้มีการใช้หัวเทียนแบบยาวส่งให้ให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ทั่วหัวลูกสูบมากขึ้น และยังออกแบบทางเดินน้ำหล่อเย็นใหม่ในฝาสูบ รักษาอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลาเพื่อการเผาไหม้ที่ดีขึ้นทุกย่านความเร็ว
ท่อไอเสียแบบ Middle Tip ให้อารมณ์สปอร์ตท่อออกท้ายกลางตัวรถดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขนาดก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป น้ำหนักเบา คายไอเสียได้ไวทำให้เพิ่มกำลังในรอบปลายได้เป็นอย่างดี ในตัวใหม่ยังออกแบบมาให้เป็นแบบ Slip On สามารถที่จะถอดเปลี่ยนท่อได้อย่างง่ายสบายๆ แต่บอกก่อนว่าท่อเดิมเสียงก็เร้าใจมากอยู่แล้ว
เทคโนโลยีจัดเต็ม
IMU Sensor แบบ 5 โมชัน
สำหรับการทำงานของ IMU นั้นจะเป็นการทำงานร่วมกันทั้งระบบเบรก การส่งกำลัง และการควบคุมการขับขี่ หรือถ้าจะเรียกกันง่ายๆก็คือ การควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุดทุกสภาวะการขับขี่และทุกสภาพถนน
ระบบเบรก ABS นอกจากจะป้องกันการล้อล็อคเวลาเบรกกะทันหันแล้ว ก็ยังทำงานร่วมกับ IMU เพื่อที่จะควบคุมล้อหน้าและหลังหมุนเท่ากัน เพื่อที่จะทำให้ตัวรถเข้าโค้งได้ดีขึ้น หรือเบรกขณะเข้าโค้งสามารถที่จะทำได้ดีกว่าเดิม
และยังช่วยในส่วนของ Wheelie Control ป้องกันการลอยตัวของล้อหลังในขณะที่เบรกหน้าแบบเต็มๆ และยังควบคุมการเร่งเครื่องยนต์และเบรกให้เหมาะสมเพื่อสร้างประสิทธิภาพขณะขับขี่ให้ได้มากที่สุดอีกด้วย
Assist Slipper Clutch
ตัวนี้คือเทคโนโลยีอีกตัวที่จะทำให้การขับขี่สนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น โดยจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดแรงกระชากของเกียร์ได้ ในขณะที่ขับขี่ด้วยเกียร์สูงแล้วจำเป็นที่จะต้องเชนเกียร์ลงมาเกียร์ต่ำ จะช่วยลดแรงกระชากจากล้อหลังได้เป็นอย่างดี ทำให้การขับขี่สนุกมากขึ้นและยังช่วยการลดการสึกหรอของชิ้นส่วนตัวรถอื่นๆ อีกด้วย
HSTC (Honda Selectable Torque Control)
อีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่ถูกใส่มาให้จากโรงงาน HSTC คือระบบ แทร็คชั่นคอนโทรล ที่จะช่วยป้องกันการหมุนของล้อหน้าและหลังไม่เท่ากัน ในขณะที่เปิดคันเร่งเร็วเกินไป หรือการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่นมีน้ำขังหรือมีกรวดทราย ทำให้ล้อเกิดอาการสไลด์เสียอาการ ระบบนี้จะช่วยให้การขับขี่มั่นใจมากมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมอยู่ในรถซูเปอร์สปอร์ตอีกด้วย ยิ่งขี่สนุกขึ้นไปอีกเป็นกอง
Riding Mode และ Throttle by wire
สำหรับโหมดการขับขี่จะมีการทำงานควบคู่กับคันเร่งไฟฟ้า สามารถที่จะปรับตั้งค่าได้ทั้งหมด 5 โหมด
Mode/ Detail | P | T | W | EB | |
Mode 1 | 1 | 2 | 1 | 3 | Racing / สนาม |
Mode 2 | 2 | 5 | 2 | 3 | Street / ถนน |
Mode 3 | 5 | 8 | 3 | 1 | Rain / ถนนลื่น |
User 1 | N/A | N/A | N/A | N/A | ปรับตั้งค่าได้เอง |
User 2 | N/A | N/A | N/A | N/A | ปรับตั้งค่าได้เอง |
P = การตอบสนองคันเร่ง
T = กำลังจากเครื่องยนต์
W = การยกของตัวล้อ
EB = เอ็นจิ้นเบรก
N/A = สามารถปรับตั้งค่าได้เอง
เรามาพูดถึงฟีลลิ่งการขับขี่คันนี้กันบ้าง
ท่านั่งดีขี่สบาย
สำหรับซูเปอร์สปอร์ตคันนี้รับรู้ได้ถึงความสบาย ตัวเบาะออกแบบมาให้อยู่ในระยะที่พอดิบพอดี การวางเท้าที่ไม่สูงมากนัก แล้วการจับแฮนด์ก็ไม่ได้ก้มจนเกินไป จะท่าหมอบตัวถังน้ำมันก็รับกับตัวได้ดี จะหลังตรงขับธรรมดาก็ทำได้ไม่น่าเกลียด การออกแบบทำให้ท่านั่งแบบนี้ รู้สึกได้ว่าสามารถขับขี่ได้นานกว่าเดิม แต่ครั้งนี้ขี่กันในสนามแข่งก็จะหมอบเยอะหน่อย
แต่มีจุดสังเกตเพียงอย่างเดียวสำหรับคันนี้คือ ตำแหน่งการวางพักเท้าที่ต่ำไปหน่อยสำหรับการขี่ในสนามเวลาเลี้ยวนอนรถลงไปทำให้พักเข้าขูดกับพื้นแทร็กแต่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ใส่เกียร์โยงก็แก้ได้แล้ว ส่วนถ้าจะเอามาใช้ในเมืองฟีลคล้ายๆ กับ CBR650R เลยเพียงแค่ก้มลงมานิดหน่อย วัยรุ่นชอบ
ช่วงล่าง Showa เฟรมใหม่ เบรกหน้าโคตรดี
สำหรับช่วงล่างเดิมโรงงานขี่ในสนามเอาอยู่แน่นอน โช้คอัพถูกปรับใหม่เพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีการปรับค่าน้ำมัน สปริง แต่อย่างใด เพียงแค่เซ็ตค่าที่โช้คปรับได้เท่านั้น ทำเท่าที่โช้คทำได้เท่านั้นก็สามารถที่จะขับขี่ได้อย่างพลิ้วเลยทีเดียว ในการเข้าโค้งแบบลึกๆ อย่างโค้ง 3 ที่ต่อเนื่องจากทางตรง ที่ทำความเร็วมาได้ทะลุ 230 กม./ชม. เบรกหนักๆ จนไฟ ESS ขึ้น แกน IMU ประมวลผลอย่างรวดเร็วไม่ให้ล้อหลังลอย แล้วพับเลี้ยวเข้าไปได้อย่างเนียนพร้อมกับเปิดคันเร่งออกได้อย่างไม่มีอาการสะบัดแต่อย่างใด และยังมีในส่วนของโค้ง Hi-speed ต่อเนื่องจากโค้ง 3 อย่างโค้ง 4 ที่ทำความเร็วทางตรงมาเลี้ยวซ้าย สามารถที่จะนอนรถเข้าไปได้เนียนนิ่งๆ เลย ทำให้รู้สึกได้ว่าการออกแบบตัวรถส่วนต่างๆ ที่มีน้ำหนักมากใกล้กับจุดศูนย์ถ่วงมาที่สุดรถจะมีบาลานซ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
**ในการทดสอบครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนยางเป็น Pirelli SuperCorsa SP ทำให้เลี้ยวได้มั่นใจ หนึบหนับขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วจนรู้สึกได้ว่าขี่ดีจริงๆ
เครื่องยนต์ตัวใหม่แรงกว่าเดิม
แน่นอนเลยว่ายังไงก็แรงขึ้นกว่าเดิมเพราะปรับเปลี่ยนใหม่ไปหลายจุด ทั้งฝาสูบ หัวฉีด หัวเทียน คันเร่งไฟฟ้าแบบรถ MotoGP ขี่ลงสนามไปบิดแรก คันเร่งอย่างเบาเลย ปกติเจอแต่คันเร่งสายในคลาสนี้ พร้อมกับเปิด Riding mode 1 (แรงสุด) แต่ไม่ได้ปิดแทร็คชั่นนะเพราะคิดว่าขอลองก่อนว่าทำงานตอนไหน คือต้องบอกเลยว่ากำลังเครื่องยนต์ทำได้ดีเลย เกียร์ 5 ยาวมาก อย่างกับรถแข่ง ทำความเร็วปลายเกือบจะสุดทางตรงได้ทะลุ 230+ กม./ชม. ถ้าจะขี่ในสนามอาจจะต้องเพิ่มสเตอร์ช่วยอีกหน่อย น่าจะขี่ได้ตึงมือมากขึ้น
แต่ถ้าใครจะใช้บนท้องถนนก็ถือว่าเพียงพออย่างแน่นอน เกียร์ 6 รอบไม่สูงมากนักไว้ประหยัดน้ำมัน ต่อๆในสนาม ช่วงที่เปิดคันเร่งออกจากโค้ง 12 ย่านรอบเครื่องยนต์ที่ให้กำลังที่ดีที่สุด อยู่ในรอบสูงๆ หน่อย ฟีลคล้ายรถรอบสูง ตอนเปลี่ยนเกียร์แรงม้าสูงสุดอยู่ช่วงย่านรอบความเร็ว 14,000 รอบ/นาที ช่วงรอบสูงขี่สนุกมาก Shift light กระพริบเตะตา เสียงท่อเดิมก็หวานหูเลยทีเดียว เป็นเครื่องยนต์ที่ขับขี่ได้สนุกติดมือสมคำล่ำลือเครื่องซูเปอร์สปอร์ต
สรุปเลยแล้วกัน..!!
สำหรับใครที่กำลังมองหารถแข่ง เอ้ยไม่ใช่! ใครที่กำลังมองหารถซูเปอร์สปอร์ตขนาด 600 ซีซี ไว้ใช้งานในเมืองหรือจะเอาไว้มาขี่ Honda Track Day ในสนามแข่งก็เพียงพอแน่นอน ความหล่อไม่ต้องกล่าวถึงใหม่หมดจด เครื่องยนต์ความแรงใช้ไม่หมดแน่นอน ช่วงล่างปรับได้ ซื้อมาแล้วก็ไปปรับเพียงเล็กน้อยให้เข้ากับสไตล์การขับขี่ของตัวเอง
ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 546,000 บาท พิเศษช่วงนี้ใครอยากได้ Quick Shifter ฟรี รีบซื้อเลย โปรโมชั่น 50 คันแรกแถมไปเลย พร้อมสิทธิ์การเข้าร่วมงาน Honda Track Day อีก 4 สนาม โคตรคุ้ม แต่ถ้าเป็นผมจากที่ลองขับมา เพิ่มท่ออีกสักใบก็ยังดีเห็นขายกันสามสิบกว่าๆ ใบเทา น่าจะเพียงพอแล้ว (เดิมๆ ขี่ไม่ได้)
และสุดท้ายยังไงก็ขอฝาก รีวิว CBR600RR คันนี้ไว้พิจารณาด้วยนะครับยังไงก็คุ้ม ของสดๆ ใหม่ๆ แบบนี้จัดไปครับ
ขอบคุณหมวกกันน็อคสวยๆจาก Nolan Helmet Thailand
ที่ช่วยสปอนเซอร์หมวกกันน็อคสุดเบาอย่าง X-lite X803 RS
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก