ผ่อนมอเตอร์ไซค์ เงินเดือน ต้องเท่าไหร่ แบบไม่เจ็บตัว

‘อยาก ผ่อนมอเตอร์ไซค์ เงินเดือน ต้องเท่าไหร่ อยากมีบิ๊กไบค์ในฝันซักคันแต่เงินเดือนเท่านี้จะผ่อนไหวไหม’ ปัญหาคลาสสิกของชาวสองล้อที่อยากมีมอเตอร์ไซค์ซักคันแต่กำลังลังเลที่จะเลือกอยู่ ในบทความนี้พวกเรา SuperBike Thailand จะมาแนะนำทริคดี ๆ สำหรับการวางแผนทางการเงินในการเลือกซื้อมอเตอร์ไซค์ซักคันแบบ “ไม่เจ็บตัว” ผ่อนไหว สบาย ๆ ได้รถไปขี่ยาว ๆ
แน่นอนว่าคำถามเหล่านี้อาจเป็นคำถามที่ค่อนข้างกว้าง นั่นเพราะความยืดหยุ่นในเรื่องการเงินของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความสามารถในการบริหารจัดการเงินไม่เหมือนกันนั่นเอง แต่เรามีเรท หรือเส้นศูนย์กลางมาตรฐานสำหรับการผ่อนชำระค่างวดในแต่ละเดือน ว่าจะซื้อรถคันนี้ ต้องผ่อนเท่าไหร่ แล้วควรสำรองค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
Standard Payment
และ ค่าบำรุงรักษา โดยทั้งหมดนี้ ไม่ควรเกิน 20-30% ของเรทเงินเดือน (คำนวณจากฐานเงินเดือนเท่านั้น ไม่นับรายได้จากช่องทางอื่น ๆ) ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นภาระในส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะสายแบก (ภาระ)
โดยรายได้ต่าง ๆ นั้นแบ่งตามประเภทมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงรายได้ โดยทางเรา SuperBike ได้พิจารณาจากเกณฑ์ต่าง ๆ ทั้ง ค่าผ่อน,ค่าน้ำมัน,ค่าดูแลรักษา,และความคุ้มค่าในการใช้งาน เป็นเเนวทางสำหรับการเลือกซื้อรถ โดยเเบ่งช่วงฐานเงินเดือน 5 ระดับดังนี้
1.รายได้ต่อเดือน ต่ำกว่า 15,000 บาท
เรทพื้นฐานสำหรับพนักงานทั่วไปหรือน้อง ๆ หนู ๆ วัยนักศึกษาที่จะหารถมอเตอร์ไซค์มาใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับขี่ไปทำงาน ขี่ไปเรียน (เพราะขี้เกียจเดิน) เน้นไลฟ์สไตล์การใช้งานเป็นหลัก ซึ่งมีกำลังผ่อนชำระตั้งแต่ 1,800 บาทต่อเดือนขึ้นไป (ตั้งเรทต่ำสุดคือ 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงิน 9,000 บาท)
ประเภท/รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่แนะนำ : รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (110–125 ซีซี) เช่น รถแม่บ้าน/ครอบครัว หรือสกู๊ตเตอร์ใช้งานทั่วไป
เหตุผล: น้ำหนักเบา ขับขี่ง่าย เหมาะกับการใช้งานในเมือง
รายได้ต่อเดือน ต่ำกว่า 15,000 บาท |
ค่าผ่อน (ประมาณ)
ราคามอเตอร์ไซค์ใหม่ประมาณ 30,000–60,000 บาท หากผ่อนชำระจะตกประมาณ 1,500–2,500 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับเรทเงินดาวน์และดอกเบี้ย) โดยรายได้ระดับนี้ ควรเลือกค่างวดต่ำเพื่อไม่เป็นภาระ ไฟแนนซ์มักกำหนดให้มีรายได้ขั้นต่ำที่ 9,000 บาท สำหรับการผ่อนมอเตอร์ไซค์ทั่วไป หรือหากเป็นไปได้ ซื้อเป็นเงินสดเลยจะดีกว่าเพื่อลดภาระตรงส่วนนี้ไป |
ค่าน้ำมัน
ประหยัดมาก รถมอเตอร์ไซค์ประเภทใช้งานส่วนใหญ่มีอัตราสิ้นเปลืองราว ๆ 50–60 กม./ลิตร จากการเคลมของโรงงาน(ค่าน้ำมันเฉลี่ย ~0.5 บาท/กม. ขึ้นกับราคาน้ำมัน) จะตกอยู่ที่ประมาณ 500 – 1,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับระยะทางขับขี่ เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าน้ำมันสูงสุด เเต่อย่างไรอันตราสิ้นเปลืองน้ำมันก็ขึ้นอยู่กับข้อมือของท่าน ยิ่งบิดก็ยิ่งเปลืองนะจ๊ะ |
ค่าดูแลบำรุงรักษา ต่ำ
ค่าบำรุงรักษาถูก เช่น ค่าน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมัน 150–300 บาทต่อครั้ง, ยางนอกราคาไม่กี่ร้อยบาทต่อเส้น, อะไหล่อื่นๆ ราคาย่อมเยา ดูเเลรักษาง่าย ศูนย์บริการหาง่าย ค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะอยู่ประมาณ 2,000-3,000 บาท/ปี (อาจมีการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย หากเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ คุณภาพสูง ) |
ความคุ้มค่าในการใช้งาน
สูงมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย ให้การเดินทางพื้นฐานที่เพียงพอสำหรับชีวิตประจำวัน ใช้งานในการหารายได้ เช่น ขนส่งอาหาร,ส่งผู้โดยสาร ออกทริป เดินทาง รถในกลุ่มนี้ คุ้มค่าเเละมีประสิทภาพในระดับนึงเลยทีเดียว เทียบกับงบประมาณที่ผู้มีรายได้น้อยเอื้อมถึง ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับกลุ่มนี้ |
2.รายได้ต่อเดือน 15,000 – 25,000 บาท
เรทพื้นฐานสำหรับพนักงานป.ตรีในบ้านเรา (แล้วแต่ตามลักษณะสายงาน) ซึ่งสายนี้จะมีความเป็นไลฟ์สไตล์เข้ามาเล็กน้อยแต่ก็ยังคงอยู่ในเบสพื้นฐานของการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงความสะดวกสบายที่เพิ่มเข้ามารองรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยมีกำลังการผ่อนตั้งแต่ 4,500 บาทต่อเดือนขึ้นไป จึงเหมาะกับสกูตเตอร์คลาส 150 ซีซีขึ้นไป เอาจริง ๆ คลาส 300 ซีซี ก็ผ่อนได้ถ้าหากวางแผนดี ๆ ครับ
ประเภท/รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่แนะนำ : รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก-กลาง (125–160 cc) ทั้งแบบสกู๊ตเตอร์หรือรถมีเกียร์ มีสมรรถนะ เทคโนโลยีเเละออปชัน เพิ่มขึ้น
![]() |
Honda Click 160 ราคาแนะนำ 69,900 บาท |
![]() |
Honda PCX160 ราคาแนะนำ 96,000 บาท |
![]() |
Honda ADV 160 ราคาแนะนำ 99,900 บาท |
![]() |
Honda CBR150R ราคาแนะนำ 100,900 บาท |
เหตุผล: ได้รถที่แรงขึ้นเล็กน้อย นั่งสบายขึ้นหรือบรรทุกของได้มากขึ้น เหมาะกับทั้งขับขี่ในเมืองและชานเมือง
รายได้ต่อเดือน 15,000 – 25,000 บาท |
ค่าผ่อน (ประมาณ)
ราคามอเตอร์ไซค์ใหม่ประมาณ 60,000–100,000 บาท ค่างวดผ่อนประมาณ 2,500–3,500 บาท/เดือน (ประมาณ 15–20% ของรายได้ช่วงนี้) ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่จัดการไหวสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง |
ค่าน้ำมัน ประหยัดดี
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยราว 35–50 กม./ลิตร (ขึ้นกับขนาดเครื่องยนต์และรูปแบบการขับขี่) ยังคงมีค่าเชื้อเพลิงใกล้เคียงรถขนาดเล็ก ทำให้เติมน้ำมันได้สบาย ๆ ไม่เปลืองมาก จะตกอยู่ที่ประมาณ 800 – 1,500 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ขับขี่ |
ค่าดูแลบำรุงรักษา ไม่สูงมาก
ค่าดูแลรักษายังใกล้เคียงกับรถเล็ก อะไหล่และการซ่อมบำรุงมีราคาไม่แพงมาก (เช่น ค่าน้ำมันเครื่องและยางนอกราคาเพิ่มขึ้นจากรถ 110cc ไม่มาก) ศูนย์บริการและร้านซ่อมรองรับเยอะ ค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะอยู่ประมาณ 2,500-5,000 บาท/ปี (อาจมีการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย หากเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ คุณภาพสูง ) |
ความคุ้มค่าในการใช้งาน คุ้มค่า
ได้รถที่มีสมรรถนะและความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายยังเหมาะสมกับรายได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายหรือความแรงเพิ่มขึ้น โดยไม่กระทบงบประมาณมากนัก |
3.รายได้ต่อเดือน 25,000 – 40,000 บาท
อัปไซส์ขึ้นมาหน่อย สำหรบรถคลาส 300 ซีซีขึ้นไป (จริง ๆ เงินเดือน 15,000 ขึ้นไปก็สามารถสอยได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว เราจึงจัดมาให้อยู่ในเรทนี้) ซึ่งรถคลาสนี้จะเริ่มหาตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสมรรถนะ คุณสมบัติการใช้งาน ออกทริปขี่ทางไกล ขึ้นเขาลุยป่ามากยิ่งขึ้นนั่นเอง และที่สำคัญ เริ่มสนใจในแพทชันของรถมอเตอร์ไซค์มากยิ่งขึ้น จริงหรือไม่ ?
ประเภท/รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่แนะนำ : รถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (150–300 cc) สกู๊ตเตอร์ มอเตอร์ไซค์สไตล์สปอร์ตหรือ เน็กเก็ตไบค์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ผู้มีรายได้ช่วงบนของระดับนี้อาจพิจารณารถ (250–350cc)
เหตุผล: รถกลุ่มนี้ให้ความเร็วและอัตราเร่งที่เหนือกว่ารถเล็ก ช่วยให้ขับขี่ทางไกลได้มั่นใจขึ้น และภาพลักษณ์สปอร์ตเท่มากขึ้น
รายได้ต่อเดือน 25,000 – 40,000 บาท |
ค่าผ่อน (ประมาณ)
ราคามอเตอร์ไซค์ใหม่ประมาณ 100,000–250,000 บาท ค่างวดผ่อนประมาณ 3,500–5,500 บาท/เดือน ตามราคาและเงินดาวน์ (คิดเป็น ~10–15% ของรายได้ 30,000 บาท) ผู้มีรายได้ช่วงนี้ส่วนใหญ่ผ่อนได้โดยยังมีเงินเหลือใช้ แต่ควรวางแผนผ่อนให้เหมาะสมกับภาระอื่นๆ ด้วย |
ค่าน้ำมัน ปานกลาง
รถเครื่องยนต์ 150–300cc จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่ารถเล็กอย่างชัดเจน อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 20–35 กม./ลิตร ตามขนาดเครื่องยนต์และสไตล์การขับขี่ ทำให้ค่าน้ำมันต่อกม. สูงกว่ารถเล็ก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ สำหรับผู้มีรายได้ระดับนี้ ค่าน้ำมันจะตกอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 2,500 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับระยะทางขับขี่) |
ค่าดูแลบำรุงรักษา ปานกลาง
ค่าใช้จ่ายดูแลรักษาเพิ่มขึ้นตามขนาดรถ ทั้งค่าน้ำมันเครื่องที่ต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้น/ปริมาณมากขึ้น, ค่าอะไหล่บางชิ้น (เช่น ผ้าเบรก, โซ่/สายพาน) สูงขึ้นกว่ารถเล็ก และยางนอกราคาแพงขึ้น (อาจหลักพันบาทต่อเส้นสำหรับขนาด 17 นิ้วขึ้นไป) อย่างไรก็ตาม รถกลุ่มนี้หลายรุ่นยังออกแบบให้ดูแลไม่ยาก ศูนย์บริการรองรับได้ ค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะอยู่ประมาณ 4,000-8,000 บาท/ปี (อาจมีการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย หากเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ คุณภาพสูง) |
ความคุ้มค่าในการใช้งาน ปานกลาง
ได้สมรรถนะและความเร็วที่สูงขึ้นมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องเดินทางออกนอกเมืองหรือทางไกลบ่อยครั้ง แต่ก็ยังใช้งานในเมืองได้ดีพอสมควร ความคุ้มค่าอยู่ที่การได้รถที่อเนกประสงค์มากขึ้น ขี่สนุกและเท่ โดยแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นแต่ยังไม่เกินกำลังของผู้มีรายได้ระดับนี้ |
4.รายได้ต่อเดือน 40,000 – 60,000 บาท
เข้าสู่รุ่นใหญ่แต่ไม่ใหญ่สุด และมีแพทชันกับการค้นพบสไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สายสปอร์ต สายแอดเวนเจอร์ สายบิ๊กสกูตเตอร์ สายเน็กเก็ดหรือคลาสสิก เป็นต้น
ประเภท/รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่แนะนำ : รถจักรยานยนต์ขนาดกลาง-ใหญ่ (500–750cc) บิ๊กสกู๊ตเตอร์,สปอร์ตไบค์,เน็กเก็ตไบค์ หรือมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งขนาดกลาง ซึ่งให้ความสะดวกสบายและกำลังที่สูงขึ้นมาก เหมาะกับการเดินทางทุกระยะ
หตุผล: รถกลุ่มนี้เครื่องยนต์ใหญ่ขึ้น ให้กำลังและความนิ่งในการขับขี่สูง สามารถวิ่งทางไกลหรือความเร็วสูงได้ดี มีเทคโนโลยีความปลอดภัย (ABS, Traction Control, Riding Mode ) ในหลายรุ่น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่
รายได้ต่อเดือน 40,000 – 60,000 บาท |
ค่าผ่อน (ประมาณ)
ราคามอเตอร์ไซค์ใหม่ประมาณ 200,000 – 400,000 บาท ค่างวดผ่อนประมาณ 5,000–7,000 บาท/เดือน (หากดาวน์ประมาณ 15–20%) ซึ่งคิดเป็น ~10–15% ของรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน ผู้มีรายได้ช่วงนี้สามารถผ่อนได้สบายขึ้น แต่อาจต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ควบคู่ด้วย |
ค่าน้ำมัน ค่อนข้างสูง
รถ 500–750cc มีอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 20–25 กม./ลิตร (ขึ้นอยู่กับการขับขี่) ซึ่งสูงกว่ารถเล็กหลายเท่า ทำให้ค่าน้ำมันต่อเดือนเพิ่มขึ้นพอควร โดยเฉพาะถ้าวิ่งระยะทางมากๆ ค่าน้ำมันจะตกอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 4,000 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับสไตล์ขับขี่เเละระยะทาง) |
ค่าดูแลบำรุงรักษา สูง
ค่าอะไหล่และบำรุงรักษารถขนาดนี้ถือว่าสูงกว่าเดิมมาก เช่น น้ำมันเครื่อง/ไส้กรองต้องเกรดดีขึ้นและใช้ปริมาณมากขึ้น ยางนอกเส้นละหลายพันบาท (ยางคู่หน้า-หลังอาจ 6,000–10,000 บาทต่อชุดขึ้นไป) ค่าแรงและค่าอะไหล่เช็กระยะก็แพงกว่า นอกจากนี้รถกลุ่มนี้มักต้องทำประกันภัยชั้น 1 เพิ่มเพื่อความคุ้มครอง (เพิ่มค่าใช้จ่ายรายปี) ค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะอยู่ประมาณ 10,000-15,000+ บาท/ปี (อาจมีการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย หากเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ คุณภาพสูง ) |
ความคุ้มค่าในการใช้งาน น้อยถึงสูง
เหมาะสำหรับผู้มีฐานะการเงินมั่นคงที่ต้องการรถใช้งานที่ครบเครื่อง ทั้งใช้งานในชีวิตประจำวันได้และท่องเที่ยวไกลๆ ได้อย่างสบาย สมรรถนะที่ได้มาถือว่าคุ้มค่าสำหรับการเดินทางไกลหรือใช้งานจริงจัง แต่ถ้าใช้งานในเมืองใกล้ๆ อาจเกินความจำเป็นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น |
5.รายได้ต่อเดือน มากกว่า 60,000 บาท
ระดับนี้มีเพียงสิ่งเดียวก็คือการหาสิ่งที่ดีที่สุดใหักับตัวเอง ชอบอะไร ไปให้สุด พร้อมรันวงการแน่นอน ซึ่งเรทนี้สามารถส่งค่างวดหลักหมื่นได้อย่างสบาย ๆ แต่ต้องสำรองในส่วนของการเซอร์วิสและน้ำมันมากขึ้น เนื่องด้วยรถมอเตอร์ไซค์ซีซีสูง ย่อมมากับสมรรถนะที่ร้อนแรง และการบริโภคน้ำมันค่อนข้างสูง
ประเภท/รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่แนะนำ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่/พรีเมี่ยม (600 cc ขึ้นไป หรือรถบิ๊กไบค์ไฮเอนด์) รถระดับนี้ให้สมรรถนะสูงมาก ทั้งความเร็ว อัตราเร่ง และเทคโนโลยีขั้นสูง
เหตุผล: เป็นกลุ่มรถสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่อย่างจริงจังหรือสะสม ใช้งานได้ดีเยี่ยมทั้งทางใกล้และไกล (สามารถลงสนามเเข่งขันได้) ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและภาพลักษณ์โดดเด่น หรูหรา พรีเมียม
รายได้ต่อเดือน มากกว่า 60,000 บาท |
ค่าผ่อน (ประมาณ)
ราคามอเตอร์ไซค์กลุ่มนี้มีตั้งแต่ ประมาณ 500,000 บาทไปจนไปแตะหลักล้าน การผ่อนชำระต่อเดือนจึงแตกต่างกันมาก ตามรุ่นที่เลือกและเงินดาวน์ที่วาง เบื้องต้นค่างวดอาจอยู่ที่ ประมาณ 8,000–15,000+ บาท/เดือน (หรือสูงกว่า หากเลือกรุ่นราคาแพงมาก) ซึ่งสำหรับผู้มีรายได้เกิน 60,000 บาทขึ้นไปสามารถบริหารจัดการได้ถ้าวางแผนดี ๆ แต่ก็ควรพิจารณาภาระผ่อนอื่นๆ ด้วย |
ค่าน้ำมัน สูงมาก
รถใหญ่สมรรถนะสูงมักมีอัตราสิ้นเปลือง ประมาณ 15–20 กม./ลิตร (ขึ้นกับซีซีและรูปแบบการขับขี่) ซึ่งทำให้ค่าน้ำมันต่อกิโลเมตรสูงกว่าเดิมหลายเท่า ในขณะที่ซุปเปอร์ไบค์ 1000cc+ อาจเหลือ ~15 กม./ลิตรหรือน้อยกว่า) ดังนั้นหากขับขี่ทุกวันจะมีค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันมากขึ้นอย่างชัดเจน |
ค่าดูแลบำรุงรักษา สูงมาก
ค่าใช้จ่ายดูแลรักษารถระดับนี้สูงที่สุด เช่น เปลี่ยนยางคู่หนึ่งอาจหลักหมื่นบาท, น้ำมันเครื่องและอะไหล่ต่างๆ ใช้ของเกรดสูงราคาแพง, ค่าประกันภัยชั้น 1 ต่อปีหลายพันถึงหลักหมื่นบาท นอกจากนี้ศูนย์บริการสำหรับรถพรีเมี่ยมอาจมีเฉพาะบางแห่ง |
ความคุ้มค่าในการใช้งาน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
หากพิจารณาในแง่การใช้งานทั่วไป ความคุ้มค่าอาจต่ำ เพราะค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับการใช้งานปกติ (การขี่ในเมืองหรือระยะใกล้ไม่ได้ใช้ศักยภาพรถเต็มที่) แต่หากผู้ขับขี่ ให้คุณค่าแก่สมรรถนะและประสบการณ์ หรือใช้เดินทางไกลเป็นประจำ รถกลุ่มนี้ก็ ตอบโจทย์ได้คุ้มค่า ในแง่ความพึงพอใจและประสิทธิภาพที่ได้รับ |
โดยทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้นเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งใน การเลือกซื้อรถ ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของราคา กับรายได้ของเรา เเละความจำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และควรศึกษาข้อมูลรถที่เราจะซื้อให้ดี ก่อนตัดสินใจ ควรเลือกที่เหมาะสมกับเรา เพราะมอเตอร์ไซค์มีหลากหลายประเภท เเละควรไปทดลองขับขี่ที่ศูนย์บริการ เเละปรึกษาเจ้าหน้าที่ของศูนย์รถ เพื่อรับคำแนะนำต่าง ๆ
สิ่งสำคัญคือ ทางเลือกในซื้อรถ ถ้าหากเราไม่จ่ายเงินซื้อสด การเลือก สินเชื่อ การผ่อน และการดาวน์ ถือเป็นอีกสิ่งที่ควรศึกษาไว้ เช่น จะเลือกสินเชื่อที่ไหนดี มีข้อตกลงการดาวน์เป็นอย่างไร ตารางผ่อนและดอกเบี้ยเป็นไปตามที่คุณสามารถผ่อนได้หรือไม่ และประกันรถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะกับประเภทรถของคุณ เพื่อที่ว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
อย่างไรก็ดีการซื้อรถ ไม่ควรเป็นภาระ อย่าซื้อรถที่เกินความสามารถที่จะผ่อน หรือดูเเละรักษายากเกินความสามารถที่จะจ่ายไหว อย่าเกินตัวนะครับ ทุกคนน !
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก