Home ทิปเทคนิค น้ำมันเครื่อง มีวันหมดอายุ คุณรู้หรือเปล่า?

น้ำมันเครื่อง มีวันหมดอายุ คุณรู้หรือเปล่า?

0

น้ำมันเครื่อง มีวันหมดอายุ คุณรู้หรือเปล่า?

ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง หลาย ๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินโคลงกลอนบทนี้เป็นแน่ ซึ่งมันหมายความว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนไม่เที่ยงแท้เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ” ซึ่งคำกล่าวนี้น่าจะจริงแท้ เป็นเหมือนกฎของธรรมชาติ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดมา ตั้งอยู่และดับไป แต่เดี๋ยว นี้มันเว็บไซต์มอเตอร์ไซค์นะ อ่อ ใช้ครับ ยังเปิดเว็บถูกอยู่ มาวันนี้ผมจะมาเสนอ เรื่องราวของ น้ำมันเครื่อง มีวันหมดอายุ ด้วยนะ อย่างที่ผมเกริ่นมาเลย ว่าแต่คุณล่ะ คุณรู้หรือเปล่า?

ไม่มีวันหมดอายุบอก แต่หมดอายุได้

คอนเทนต์นี้เราจะพูดถึงน้ำมันเครืองที่อยู่ในขวด อยู่ในแกลลอน วางตั้งอยู่บนเชลฟ์เนี่ยล่ะครับ อย่าคิดว่ามันอยู่ในขวดดี ๆ แล้วมันจะไม่หมดอายุ จริง ๆ แล้วมันมีวันหมดอายุนะเออ แต่ข้างขวดขางแกลลอนหรือบรรจุภัณฑ์ของมันเนี่ยมันไม่ได้มีวันหมดอายุเหมือนนมกล่องนมขวดหรืออาหารกระป๋องเนี่ยสิ ทำให้บางคนพาลคิดว่ามันไม่มีวันหมดอายุ

ทั้งนี้น้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะมีวันที่ผลิตบอกอยู่ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่ดูกันแบบง่าย ๆ วันเดือนปี จบเลยก็มี หรือบางครั้งก็ต้องตีความ ซึ่งตรงนี้ก็จะแตกต่างตามแต่ละยี่ห้อไปครับ

ตัวอย่าง เช่น 02911 หมายถึง วันที่ 29 ของปี 2011 ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริง น้ำมันตัวนี้ก็น่าจะหมดอายุแล้ว

หรือ 1A20 หมายถึง วันที่ 1 มกราคม 2020 เป็นต้น

แล้วมันหมดอายุได้ยังไง

ถามว่ามันจะหมดอายุได้อย่างไร ก็บอกว่าต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยกันไปครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำมันเครื่องที่เราคิดว่าอยู่ในบรรจุภัณฑ์ดี ๆ ซีลเอาไว้ยังไม่ได้เปิด มันไม่น่าจะเสื่อมหรือไม่หมดอายุ แต่จริง ๆ แล้วมันจะเสื่อมคุณภาพไปเรื่อย ๆ หลังจากผ่านระยะเวลาไปไม่กี่ปี แม้ว่าจะไม่ได้เปิดมันออกมาใช้เลยก็เถอะ

การที่น้ำมันจะเสื่อมคุณภาพหรือหมดอายุนั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในที่จัดเก็บแบบอย่างรุนแรง การออกซิเดชัน และสารเติมแต่งที่ใส่เข้าไปในน้ำมันเครื่อง เป็นต้น เรียกว่าการจัดเก็บที่ไม่เหมาะสมจะยิ่งส่งผลให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพหรือหมดอายุได้เร็วขึ้น

แล้วมันอยู่ได้นานแค่ไหน

น้ำมันเครื่องจะหมดอายุเมื่อไหร่นั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกที่ผมกล่าวไปข้างต้นแล้ว ชนิดของน้ำมันเครื่องเองก็มีผลด้วยเช่นกัน โดยชนิดของน้ำมันเครื่องที่พูดถึงก็คือ น้ำมันเครื่องธรรมดา น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ นั่นเอง โดยน้ำมันเครื่องธรรมดาจะมีสิ่งเจือปนอยู่มาก และนั่นทำให้อายุเชลฟ์หรืออายุในการเก็บไม่ยาวนาน

ส่วนน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ จะมีการเติมสารเสริมประสิทธิภาพเข้ามา ทำให้สามารถรองรับการใช้งานอุณหภูมิสูง ๆ ได้ ทำให้สามารถเก็บไว้ได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดาตามไปด้วย นอกจากนี้อายุยังขึ้นอยู่กับการเก็บอีกด้วย

  • น้ำมันเครื่องที่ยังไม่เปิดใช้ โดยปกติแล้วน้ำมันเครื่องที่ยังไม่เปิดใช้จะมีอายุเชลฟ์หรืออายุในการวางจำหน่ายระยะเวลานึง ซึ่งก็จะมีอายุประมาณ 2 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมัน แน่นอนว่ายิ่งเก็บไว้นานสารเสริมคุณภาพในน้ำมันก็จะเสื่อมประสิทธิภาพลงไปด้วย
  • น้ำมันเครื่องที่เปิดใช้แล้ว (แต่ยังไม่หมด) แน่นอนว่าอายุ 2 – 5 ปี นั้นคือน้ำมันเครื่องที่ยังไม่เปิด แต่ถ้าเปิดใช้งานแล้ว ก็จะเริ่มเสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการออกซิเดชัน เพราะน้ำมันได้มีโอกาสสัมผัสกับอากาศ หรือออกซิเจน ความชื่น รวมถึงฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพได้เร็วขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปีหลังจากเปิด หรือเร็วกว่านั้น
  • น้ำมันเครื่องที่ตกค้างในเครื่องยนต์ ถ้าคุณใช้งานรถเป็นประจำ หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะตลอด คุณไม่ต้องห่วงเรื่องในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ในการเปลี่ยนถ่ายแต่ละครั้ง คุณต้องเช็คให้แน่ใจทุกครั้งว่าน้ำมันเครื่องเก่าต้องถูกถ่ายออกจนหมด หากว่ารถของคุณจอดนานเป็นเดือน ๆ

น้ำมันเครื่องที่ไม่ได้ไหลเวียนไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์นั้นไม่ต่างอะไรกับน้ำมันเครื่องที่เปิดใช้งานแล้ว มันจะเกิดการออกซิเดชันและเริ่มตกตะกอนนอนจับตัวเป็นก้อนอยู่ที่ด้านล่าง และอาจจะทำให้เกิดการกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้อีกด้วย

 

น้ำมันเครื่องหมดอายุหรือเสื่อมคุณภาพแล้วสังเกตได้ยังไง

น้ำมันเครื่องที่หมดอายุหรือเริ่มเสื่อมคุณภาพแล้วสามารถสังเกตได้ 4 วิธีด้วยกัน แต่อาจจะสังเกตได้ยากสักหน่อย แต่ก็พอจะสังเกตได้ครับ

  1. สังเกตจากวันที่ผลิต น้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะผลิตขึ้นมาและจำหน่ายส่วนใหญ่มักจะมีตัวเลขบอกล็อตที่ผลิต และวันที่ผลิต แต่มักจะไม่มีวันหมดอายุบอกหรอกครับ ดังนั้นเราควรจะสังเกตวันที่ผลิต และคำนวณหาวันหมดอายุด้วยตัวเอง โดยน้ำมันส่วนใหญ่จะมีวันหมดอายุหลังจากผลิตราว ๆ 2 – 5 ปีแล้วแต่ชนิดของน้ำมันเครื่อง ดังนั้นถ้าน้ำมันมันผลิตมานานมากแล้วก็ควรจะหลีกเลี่ยงหรือทิ้งมันไปซะ อย่าเสียดาย
  2. สีของน้ำมันเครื่อง สีของน้ำมันเครื่องที่ดีจะต้องเป็นสีเหลืองอำพัน หรือเป็นสีสดใส ถ้าคุณเคยใช้ก้านวัดน้ำมันเครื่องวัดระดับน้ำมันเครื่องจุ่มลงดู แล้วพบว่าสีของน้ำมันเครื่องเริ่มเข้มหรือขุ่น ไม่ใสอย่างที่เคยเป็น แสดงว่าอาจจะเริ่มเกิดการออกซิเดชันแล้ว ซึ่งอาจจะเกิดจากการปนเปื้อนจากความชื้นหรือฝุ่นในเครื่องยนต์ ซึ่งอาการแบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับน้ำมันที่เคยเปิดใช้แล้ว
  3. ลักษณะของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องจะต้องใสและโปร่งแสง หากมีลักษณะขุ่นข้นเหมือนนม หรือมีการแยกชั้นของน้ำมัน หรือมีฝุ่นละอองหรือตะกอนเจือปน แสดงว่าน้ำมันเริ่มเสื่อมคุณภาพ นอกจากนี้น้ำมันเครื่องจะต้องไหลโดยมีความหนืดที่คงที่อีกด้วย
  4. ความสม่ำเสมอ น้ำมันเครื่องนั้นควรจะไหลด้วยความหนืดที่พอดี ถ้าหากว่ามันข้นหรือหนืดเกินไปจนมีลักษณะคล้ายกับสไลม์ แสดงว่าอาจจะเสื่อมคุณภาพจากความชื้นเจือปนและจะตกตะกอนได้

 

สรุป

น้ำมันเครื่องนั้นมีวันหมดอายุ แต่ไม่ได้หมดอายุเร็วมากนัก โดยมากก็มักจะมีอายุ 2 – 5 ปี หากคุณไม่เจอน้ำมันเก่าเก็บจากร้านหรือศูนย์บริการที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะไม่ประสบปัญหาเหล่านี้

และหากคุณคิดว่าจะตุนน้ำมันเครื่องในช่วงที่ลดราคาก็อยากกักตุนไว้มากจนเกินไปนัก เพราะอาจจะหมดอายุหรือเสื่อมคุณภาพก่อนที่คุณจะได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้กับรถคันโปรดของคุณก็ได้ หรือหากน้ำมันเครื่องเหลือก็ควรจะรีบใช้ให้หมดอย่าเก็บไว้นาน หรือถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทิ้งส่วนที่เหลือไปอย่าเสียดาย เพราะมันไม่คุ้มกันแน่หากเครื่องยนต์ของคุณพัง

นอกจากนี้คุณควรจะเก็บน้ำมันเครื่องของคุณไว้ในที่แห้ง ไม่โดนแสงแดด เพราะแสงยูวีสามารถทำปฏิกิริยากับภาชนะและทำให้เกิดการเสื่อมคุณภาพได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น อย่าเก็บไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย และอย่าเปลี่ยนถ่ายบรรจุภัณฑ์เด็ดขาด

สุดท้ายนี้ถ้าหากว่าเจอน้ำมันที่ไม่มีวันที่ผลิตก็ดูลักษณะของบรรจุภัณฑ์กันเอานะครับว่า ซีดจาง เก่าหรือไม่อะไรยังไง ก็น่าจะพอลดความเสี่ยงได้ครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version