Home Yamaha News รีวิว Xmax 300 2023 ทรงดี จอสี มีระบบนำทาง..!!

รีวิว Xmax 300 2023 ทรงดี จอสี มีระบบนำทาง..!!

0

รีวิว Xmax 300 2023 ทรงดี จอสี มีระบบนำทาง..!!

เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจที่ดีขึ้น เรามา รีวิว Xmax 300 2023 สกู๊ตเตอร์ไซส์กลางโฉมใหม่ล่าสุด จากทาง ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ ที่นำมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย ที่ถือว่าเป็นสกู๊ตเตอร์ที่ขายดีในท้องตลาด การทดสอบครั้งนี้เรามาลองแบบใช้งานในเมืองใช้งานในชีวิตประจำวันกันบ้าง จะน่าสนใจขนาดไหน ลองอ่านกันดู…

อย่างที่เรารู้กัน Xmax 300 ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้นปาก หรือชื่อทางการ Xmax Connected นั้นเป็นรถนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย และมีจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะในไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิตาลี ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะว่าเป็นสกู๊ตเตอร์ไซส์กลางที่น่าใช้ เฟรนด์ลี่กับยูสเซอร์ มีความคล่องตัว และมีความอเนกประสงค์ เลยเป็นที่มาของคำว่าสกู๊ตเตอร์ยอดฮิต

สำหรับโมเดลนี้ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมแบบชุดใหญ่ รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์มาใหม่ทั้งหมด เพิ่มความสปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น เพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยมมากขึ้น ตั้งแต่หัวจรดท้ายรถ พร้อมเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาให้ตอบโจทย์การใช้งานของไบค์เกอร์รุ่นใหม่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

รูปลักษณ์ใหม่

ดีไซน์มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้าย ออกแบบแฟริ่งด้านหน้าใหม่พร้อมดีไซน์ไฟหน้าไฟท้ายที่มีลักษณะคล้ายตัว X ตามชื่อรุ่น มีการย้ายตำแหน่งไฟเลี้ยวบิ้ลต์อินในแฟริ่งขึ้นมาอยู่ด้านข้างชิลด์บังลมหน้า และ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ช่วงคอนโซลตัวรถ กาบแฟริ่งด้านซ้ายขวามีการออกแบบเส้นสายใหม่ทั้งหมด ทำให้ตัวรถมีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ดูสปอร์ตและหรูหรามากขึ้นกว่าเดิม

จอใหม่แบบ Double Display

พูดถึงหน้าจอใหม่แบบดับเบิลดิสก์เพลย์เยอะหน่อย เพราะถือจุดเด่นของรุ่นนี้เลย ซึ่งทางค่ายจัด หน้าจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้วมาให้เป็นหน้าจอหลัก เคียงคู่ไปกับหน้าจอเสริมแบบดิจิทัล LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ซึ่งหน้าจอสีนี้จัดได้ว่าเป็นทีเด็ด เพราะว่ามีการเปลี่ยนใหม่จากโฉมก่อนหน้านี้แบบสิ้นเชิง ให้มุมมองและประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหรา เด่นที่สุดในคลาสก็ว่าได้ สามารถที่จะแสดงสถานะต่าง ๆ ของตัวรถแบบครบถ้วน เมนูต่าง ๆ ที่แสดงขึ้นบนจอ มองเห็นได้ชัดเจนและสามารถปรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้บนประกับทางด้านซ้ายมือ ใช้งานง่ายสะดวก ไม่ซับซ้อน เรียกว่า “เด่น” ไม่เหมือนใครแน่นอนในส่วนนี้

เครื่องยนต์ Blue Core Euro5

เครื่องยนต์ 1 สูบ 292 ซีซี ลูกสูบ 70 มิลลิเมตร ระยะชักของก้านสูบ 75.9 มิลลิเมตร จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด กระบอกสูบเคลือบไดอะซิลคุณสมบัติพิเศษเฉพาะรถยามาฮ่าเท่านั้น เบากว่า ลื่นกว่า ทั้งยังแข็งแรงและทนทานอีกด้วย โดยเครื่องยนต์ตัวนี้ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 27 แรงม้าที่ 7,250 รอบ/นาที มีกำลังแรงบิดสูงสุดที่ 29 นิวตันเมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ใช้ระบบส่งกำลังแบบสายพาน ออโตเมติก คลัตช์แห้งในห้องแคร้งสายพาน ถือว่าเป็นเครื่องยนต์พื้นฐานเดิมจากโฉมก่อนหน้านี้ แต่ยังคงเป็นที่ยอมรับของความแรงและความทนทาน การันตีได้จากยอดขายจนถึงทุกวันนี้

ช่วงล่างมั่นใจได้

เบรกมีการปรับมาใหม่ จากโมเดลก่อนหน้านี้ ฟีลลิ่งการกำเบรกได้นุ่มนวลดีขึ้นกว่าเดิม พื้นฐานเบรกเป็นดิสก์เบรกหน้าเส้นผ่าศูนย์กลางจานเบรก 267 มิลลิเมตร เบรกหลังดิสก์เบรกเส้นผ่าศูนย์กลางจานเบรก 245 มิลลิเมตร พร้อมระบบเบรก ABS อิสระ 2 ชาแนล

ต่อกันที่ระบบกันสะเทือน โช้คอัพด้านหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิด ขนาดแกน 33 มิลลิเมตร ให้ระยะยุบ 110 มิลลิเมตร ในส่วนของโช้คหลังเป็นแบบยูนิตสวิง สามารถปรับความแข็งอ่อนของสปริงได้ ให้ระยะยุบ 79 มิลลิเมตร ส่วนล้ออัลลอยหน้าให้มา 15 นิ้ว ล้อหลังให้มา 14 นิ้ว เป็นแบบทูบเลสไร้ยางใน สำหรับช่วงล่างที่ให้มาถือว่าฝากผีฝากไข้ได้แน่นอน ประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับใช้ในงานในชีวิตประจำวัน

เทคโนโยลีล้ำสุดในคลาส

หน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT + LCD ถือเป็นเทคโนโลยีที่ดีมาก ๆ เพราะใส่ฟังก์ชั่นใหม่ ๆ มาเพียบเลย ตอบโจทย์การใช้งานของไบค์เกอร์คนรุ่นใหม่ ซึ่งจริง ๆ ก็ได้ทุกวัยเลย เพราะฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ให้มา เพียบพร้อมในหลายรูปแบบการใช้งาน เริ่มจากเมนูบนหน้าจอเรือนไมล์กันก่อนเลย

– แสดงข้อมูลรถและการขับขี่

– แสดงข้อมูล/รับสายโทรศัพท์ (เมื่อเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธ)

– แสดงข้อความ Text Message (รวม SMS และ Email)

– แสดง / เล่นเพลงจากสมาร์ทโฟน และปรับระดับเสียง (เมื่อเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธ)

– แสดงสภาพอากาศ / เวลา

– เลือกภาษาที่แสดงได้

– แสดงระบบนำทาง (เมื่อเปิดใช้แอพพลิเคชัน Garmin Street Cross)

นอกจากนี้ ตัวแอพพลิเคชัน Y-Connect ยังสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับรถบนสมาร์ทโฟนได้ โดยจะทำงานเมื่อเปิดบลูทูธและโลเคชัน แล้วเชื่อมต่อ Y–Connect เท่านั้น

  1. Smartphone Notification On Meter – แจ้งเตือนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน
  2. Maintenance Recommendation – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา
  3. Malfunction Notification –แจ้งเตือนเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา
  4. Fuel Consumption – แสดงข้อมูลการอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
  5. Revs Dashboard – แสดงมาตรวัดรอบขณะขับขี่
  6. Last Parking Location – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด
  7. Ranking – แสดงอันดับในการขับขี่เทียบกับคนอื่น ๆ
  8. Riding Log –บันทึกประวัติการขับขี่
  9. Weather – แสดงสภาพอากาศ
  10. Music – แสดงรายละเอียดและควบคุมการฟังเพลง
  11. Contact Form – ช่องทางสำหรับติดต่อกับทางยามาฮ่า

ตัวรถยังมีระบบแทร็คชันคอนโทรล ในหน้าจอแสดงผลเมนูภาษาไทยจะขึ้นว่าระบบควบคุมแรงฉุด ซึ่งจะป้องกันการลื่นไถลช่วยเพิ่มความปลอดภัย จะทำงานเมื่อความเร็วล้อหมุนไม่เท่ากัน ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องเจอสภาพถนนและสถานการณ์คับขัน ถนนลื่น เปียกแฉะ เทคโนโลยีนี้จะควบคุมเสถียรภาพของตัวรถให้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย

ระบบ ABS 2 Channel ป้องกันล้อล็อคแบบอิสระหน้าหลัง ทำงานแยกจากกัน ช่วยให้การเบรกได้ระยะที่สั้นลงและเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม เผื่อเวลาจำเป็นต้องใช้เบรกหนัก ๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ช่องจ่ายไฟแบบอเนกประสงค์ 12 โวลต์บิลต์อินอยู่ที่เกะฝั่งซ้ายของตัวรถ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ชาร์จแบตโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ ตามต้องการ

มี Smart Key หรือกุญแจรีโมทที่พกพาติดตัวไม่ต้องเสียบไปที่เบ้า เพียงอยู่ใกล้ตัวรถก็สามารถเปิดสวิตช์สตาร์ทตัวรถได้แบบง่าย ๆ พร้อมฟังก์ชั่นกดค้นหารถ

สำหรับราคาที่ทาง ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ราคาแนะนำ 189,900 บาท มีจำหน่าย ทั้งหมด 5 สี สีเขียว-ดำ น้ำเงิน-ดำ แดง เทา และ ดำ สามารถไปชมตัวจริงได้ที่ ยามาฮ่า สแควร์ ทุกสาขาทั่วประเทศไทย

ใช้งานในเมือง ฟีลลิ่งกู๊ด

ท่านั่งการขับขี่ ที่ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบทั่ว ๆ ไป เบาะใหญ่มาก กว้างมาก นั่งสบาย ตำแหน่งการวางเท้าสามารถวางได้หลากหลายรูปแบบ ยืดเหยียดได้สบาย เหมาะสำหรับสายออกทริปเดินทางยืดเส้นได้เลย

การคอนโทรลตัวรถในช่วงที่ต้องซอกแซกความเร็วต่ำ ๆ ทำได้โอเคเลยนะ สำหรับมือใหม่อาจจะต้องใช้ความคุ้นชินสักเล็กน้อย เพราะช่วงตัวรถที่ยาวและกว้าง ถ้าจับฟีลและกะระยะได้ ก็มุดได้ไม่แพ้รถออโต้ไซส์เล็กเลยล่ะ ในส่วนของมุมมองผู้ขับขี่ มีสองอย่างที่อยากจะบอก สิ่งแรกคือ มุมมองดูดีมาก เรือนไมล์สวย เห็นได้แบบชัดเจน อย่างที่สองถ้าตัวสูงอาจจะเห็นขอบของตัวชิลด์บังลมหน้า แต่ก็สามารถปรับความสูงต่ำได้โดยต้องใช้เครื่องมือ ก็จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ไปได้

เครื่องยนต์ให้การตอบสนองดี คันเร่งช่วงกลางของรุ่นนี้ทำให้การแซงช่วงความเร็วกลาง ๆ ประมาณ 60 – 100 กม./ชม. มั่นใจในการแซงในแต่ละครั้ง หรือการออกตัวจากไฟแดงก็ทำได้โอเค อาจจะด้วยเครื่องยนต์ใหญ่ทำให้ความเร็วช่วงต้นไม่มีปัญหาสำหรับการใช้งานในเมือง และในส่วนของความเร็วปลาย ทำได้ 140 กม./ชม. ++ แบบสบาย ๆ หายห่วง เหลือใช้ เหมาะสำหรับสายเดินทางไกล ๆ ก็เหมาะยิ่งนัก อัตราเฉลี่ยน้ำมันเชื่อเพลิงที่ใช้ไปสำหรับการทดสอบก็อยู่ที่ประมาณ 28 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าเติมน้ำมันเต็มถัง ก็สามารถวิ่งได้ 350 กิโลเมตรแบบสบาย ๆ เลยทีเดียว

ในส่วนของช่วงล่าง ต้องขอพูดถึงฟีลลิ่งเบรกที่ให้มาใหม่ ใช้งานในเมืองดีมาก นุ่มนวล มั่นใจกว่าเดิม ยิ่งช่วงรถติด ๆ ต้องซอกแซก และใช้เบรกเยอะ ๆ ตรงนี้ดีมาก ทำให้การขับขี่สบายมากขึ้น ไม่เจ็บนิ้ว ส่วนโช้คอัพ ล้อ ยาง ที่ให้มาก็ถือว่าโอเคเลย แต่ถ้าให้สายซิ่ง ใช้ความเร็วสูง ๆ ก็ควรจะไปอัปเกรดเพิ่มสมรรถนะให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม งบน้อย ๆ ก็เริ่มที่ยางก่อนเลย อันดับแรกเพราะว่าสกู๊ตเตอร์ไม่มีเอ็นจิ้นเบรก จำเป็นอย่างยิ่งในเรื่องนี้ เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน

สรุปเลยแล้วกัน ใครที่กำลังบอกหาสกู๊ตเตอร์ไซส์กลาง ใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วๆไป ใส่ของได้เยอะ เดินทางได้ และมีเทคโนโลยีให้มาแบบเต็มพิกัด Xmax Connected 300 โมเดล 2023 ถือว่าเป็นอีก 1 ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในคลาสที่ทุกคนต้องมองมาที่คันนี้อย่างแน่นอน ยังไงก็ต้องขอฝากไว้ให้พิจารณาอีกรุ่น ส่วนใครจะไปโมดิฟาย จะไปซิ่ง ไม่ต้องห่วงตอนนี้ก็มีเพียบ มีทุกรูปแบบ รองรับอยู่แล้ว แต่อย่าลืม เวลาแต่งรถควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วยล่ะ ขับขี่ปลอดภัย สวัสดีครับ…

อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version