Home รีวิวและทดสอบ รีวิว Malaguti Madison 150 ช่วงล่างดี บิดสนุก มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร

รีวิว Malaguti Madison 150 ช่วงล่างดี บิดสนุก มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร

0

รีวิว Malaguti Madison 150 ช่วงล่างดี บิดสนุก มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร

เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีมากเลยทีเดียวสำหรับแบรนด์น้องใหม่ในไทย แม้ว่าจริง ๆ ตัวแบรนด์มาลากูตินั้นมีมานานร่วม 100 ปีแล้วก็ตาม ทว่าก็เพิ่งมาเปิดตัวในไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ทั้งยังเปิดสกู๊ตเตอร์สปอร์ตพรีเมียมพิกัด 150 ซีซี ที่เรียกได้ว่าเป็นพิกัดร้อนแรง เป็นพิกัดที่เป็นที่นิยมอีกด้วย แน่นอนว่าทาง SuperBike Thailand ก็ไม่พลาดที่จะทำการทดสอบ รีวิว Malaguti Madison 150 โมเดลน้องใหม่คันนี้ เอาล่ะ ไปติดตามกันเลยครับว่า เจ้าเมดิสันคันนี้มันเป็นยังไงกันบ้าง

หล่อดีมีสไตล์

แน่นอนว่ารูปทรงรูปลักษณ์ต้องเป็นสิ่งแรกเลยที่ไบค์เกอร์หลาย ๆ คนจะตัดสินใจซื้อรถก็มักจะดูในส่วนนี้ก่อนที่จะไปตัดสินใจในส่วนอื่น ๆ สำหรับสกู๊ตเตอร์สปอร์ตพรีเมี่ยมคันนี้ ผมบอกไว้ก่อนเลยว่าเป็นรถในคลาส 150 ซีซี ที่มีการดีไซน์ออกมาได้สวย ลงตัว มีกลิ่นอายดีไซน์ของตะวันตกอยู่เต็มที่ โดยส่วนที่โดดเด่นที่สุดเลยก็จะเป็นในส่วนของไฟหน้าและไฟท้ายที่มีการดีไซน์ให้ออกไปในแนวสปอร์ต มีการใช้ Day Time Running light ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของไฟท้ายดีไซน์มาคล้าย ๆ ของรถซุปเปอร์คาร์ เส้นสายสวยงามดูลงตัวมากยิ่งขึ้น และระบบส่องสว่างทั้งคันเป็นแบบ Full LED เด่น สว่างชัดเจน

ต่อมาเรามาดูถึงตัวเรือนไมล์ที่เป็นแบบ Full Digital LCD ดีไซน์มาได้สวยงาม แบ่งสัดส่วนออกมาได้เป็นอย่างดี ดูง่าย ล้ำสมัย พร้อมฟังก์ชั่นการเตือน และสถานะต่างๆของตัวรถแบบครบครัน ในส่วนสุดท้ายที่รู้สึกว่าถูกใจเป็นเป็นอย่างมากเลย นั่นก็คือ สีสันของรถคันนี้ที่ดูมิกซ์แอนด์แม็ตซ์มาได้ลงตัวมาก ๆ การเลือกใช้เฉดสีเขียวด้าน ควบคู่กันในส่วนของชิ้นดำเทา ตัดกับแฟริ่งคอนโซลแบบชิ้นเงา พร้อมกับทำสีล้อเป็นสีน้ำตาลไหม้มาให้จากโรงงาน ทำให้ดูสวยลงตัว ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยรวมในส่วนของดีไซน์ ผมให้เป็นสกู๊ตเตอร์ที่หล่อเหลาเอาเรื่องเลยทีเดียว

เครื่องยนต์ ไม่เหมือนใคร ดีไซน์อิตาลี

สำหรับเรื่องเครื่องยนต์นั้นจะออกแบบโดยใช้วิศวกรจากจากทางอิตาลี แต่ผลิตเครื่องยนต์ในเวียดนาม ไม่ได้นำเครื่องจากแบรนด์อื่นมาใช้ ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลในส่วนนี้ อย่างที่ในโซเชียลเป็นกังวลกัน โดยมีการเลือกใช้ระบบหัวฉีดจาก Bosch โดยเครื่องจะเป็นเครื่องแบบ 1 สูบ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยระบบสายพาน ให้ฟีลลิ่งช่วงต้นและกลางได้ดีเลยทีเดียว ในช่วงย่านความเร็ว 40-80 กม./ชม. ความเร็วลอยตัวแล้วเร่งแซง ตอบสนองคันเร่งได้ดี มั่นใจได้ ในส่วนของความเร็วปลายนั้น โดยทางเราสามารถทดสอบทำ Top speed หรือความเร็วสูงสุดได้มากถึง 129 กม./ชม. เลยทีเดียว ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่ปัจจัยและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ด้วย เช่น ทิศทางลม น้ำหนักคนขี่ สภาพความชันของถนน เป็นต้น

เรามาพูดถึงในส่วนของความประหยัดกันบ้าง เพราะทางโรงงานเคลมมาเลยว่า สามารถทำได้ถึง 40 กิโลเมตร ต่อ 1 ลิตร เทียบกันแบบง่าย ๆ ถ้ารถคันนี้วิ่งแบบน้ำมันเต็มถัง 10 ลิตร สามารถวิ่งได้ถึง 400 กิโมเมตรลเลยทีเดียวถือว่าเยอะมากถ้าเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน อันนี้ถูกใจสายเดินทางไกลกับตอบโจทย์ยุคน้ำมันแพงอย่างในตอนนี้แน่นอน สำหรับฟีลลิ่งเครื่องยนต์บอกได้เลย ว่าตอบสนองคันเร่งดี ในช่วงรอบต้นและกลาง สามารถให้ฟีลลิ่งที่ปรู๊ดป๊าด ขี่สนุก ถูกใจวัยรุ่นอิตาลีแน่นอน

ขี่ง่ายนั่งสบาย

ตัวรถมีท่านั่งที่ออกแบบตำแหน่งต่าง ๆ มาได้ดี ขนาดเบาะนั่งไม่ใหญ่จนเกินไป เวลานั่งรู้สึกได้ว่าดีไซน์ปีกเบาะมาได้ลงตัว นั่งแล้วไม่ต้องกางขามาก ในส่วนของตัวแฮนด์บาร์ก็มีขนาดที่ไม่กว้างมากจนเกินไป บังคับเลี้ยวง่าย ทำให้คล่องตัวเวลาเลี้ยวรถ หรือช่วงที่ต้องขยับตัวในการซอกแซกในเมือง

ตำแหน่งการวางเท้าก็สามารถวางเท้าได้ สองแบบ แบบแรกวางเท้าปกติ ในท่านั่งทั่ว ๆ ไป ระยะกำลังดีไม่ต้องชันหัวเข่าขึ้นมามากจนเกินไป แบบที่สองคือวางเท้าโดยยื่นเท้าออกไปทางด้านหน้า ตรงนี้ก็ถือว่าทำได้เหมาะสำหรับการออกทริปเดินทางไกล ๆ สามารถยืดเหยียดแก้เมื่อยได้ดี ในส่วนของท่านั่งการขับขี่ ถือว่าทำการบ้านมาได้ดี เหมาะสำหรับคนเอเชีย ขี่ง่าย คล่องตัว ใช้งานในเมืองได้สบาย ๆ เลย

ช่วงล่างดีโดนใจสายสปอร์ต

ในส่วนของช่วงล่างคันนี้ เดิมโรงงานถือว่าให้ฟีลลิ่งที่ดีผิดคาดเลย รู้สึกได้ถึงความคล่องตัวเวลาเลี้ยว มั่นใจเลยทีเดียว เวลาพลิกรถในโค้งช่วงความเร็วสูง ๆ ทำได้ดี ตรงนี้คิดว่ามาจากโช้คอัพส่วนนึงแล้วก็ในส่วนของตัวยางที่มีหน้ายางที่กว้าง ทำให้เวลาเลี้ยว มีฟีลลิ่งสปอร์ตเลยละ ส่วนโช้คอัพด้านหลังก็สามารถปรับค่าสปริงได้ 5 ระดับตามความต้องการ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน โดยสามารถปรับได้เอง ถือว่าดีเลยตรงนี้

มาพูดในส่วนของระบบเบรกกันหน่อย ระบบเบรกที่ติดมาให้ในคันนี้เป็นแบบดิสก์เบรกขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มาพร้อมเทคโนโลยีระบบเบรก CBS หรือคอมบายเบรก หรือระบบกระจายแรงเบรก ระบบตรงนี้ช่วยได้เยอะเลย เวลาเบรกฉุกเฉิน เบรกกะทันหัน แล้วเผลอกำเบรกหลังอย่างเดียว ส่วนนี้ก็จะช่วยกระจายแรงไปที่เบรกหน้าด้วย ทำให้ได้ระยะเบรกที่สั้นลง ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเลย เมื่อระบบต่าง ๆที่เกี่ยวคล้องสัมพันธ์กัน ทำงานพร้อม ๆ กัน ยิ่งทำให้การขับขี่ดูมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี

 

ทางค่ายให้กุญแจแบบสมาร์ทคีย์มาถึง 2 อัน ใช้งานและสำรองเผื่อหายอีกหนึ่งอัน ถือว่าทึ่งเหมือนกันเพราะค่ายอื่นให้ดอกเดียวนะครับ สำหรับกลไกการทำงานไม่ยากเพียงกดปุ่มปลดล็อครถก็สามารถที่จะเปิดสวิตช์ใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการเปิดปิดสัญญาณกันขโมยและเรียกหารถ ก็สามารถที่จะทำงานผ่านตัวกุญแจได้เลย และอีก 1 ส่วนสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกสบายนั้นก็คือ ช่องจ่ายไฟอเนกประสงค์ USB ที่ถูกติดตั้งอยู่ที่เกะทางด้านซ้ายมือ ตรงนี้ก็สามารถที่จะใช่ชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน GPS พาวเวอร์แบงค์ ให้ความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องการใช้งาน

ราคาดี น่าคบหา

ใครที่กำลังมองหาสกู๊ตเตอร์ที่มีความคล่องตัว ขี่ง่าย เส้นสาย สีสันและดีไซน์สวยสะดุดตา ต้องคันนี้เลย เป็นสกู๊ตเตอร์ที่มี DNA ของรถอิตาลีที่แท้ทรู เด่นด้วยเครื่องยนต์ 150 ซีซีที่ออกแบบขึ้นมาใหม่ ไม่เหมือนใครในคลาสแน่นอน ขี่สนุกบิดติดมือ ขณะที่ช่วงล่างกระชับปรับได้ตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมดิสก์เบรกหน้าหลัง ถูกใจสายสปอร์ตแน่นอน

ทั้งนี้ Malaguti Madison 150 เปิดราคาค่าตัวมาเพียง 79,800 บาทเท่านั้น โดยตัวรถจะมีให้เลือก 4 เฉดสี ได้แก่ ดำ แดง ขาว และเขียว และสำหรับคนที่ลังเลและไม่มั่นใจเรื่องคุณภาพ ทางแบรนด์ระบุว่ามีการรับประกัน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมการบริการหลังการขายแบบเต็มระบบ จากทาง ไดนามิค มอเตอร์ ประเทศไทย ที่มีกว่า 50 สาขาทั่วไทย ทำให้มั่นใจได้เลย ถ้าซื้อ Malaguti Madison 150 ใช้แล้ว ปลอดภัย มั่นใจ หายห่วงแน่นอน แถมยังได้รถหล่อ ๆ สัญชาติอิตาลีในค่าตัวเท่านี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ

อ่านรีวิวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version