Home รีวิวและทดสอบ รีวิว Honda CRF300L & CRF300RALLY 2 สายลุยอัพเกรดใหม่พร้อมโดด

รีวิว Honda CRF300L & CRF300RALLY 2 สายลุยอัพเกรดใหม่พร้อมโดด

0
รีวิว Honda CRF300L & CRF300RALLY

รีวิว Honda CRF300L & CRF300RALLY 2 สายลุยอัพเกรดใหม่พร้อมโดด

 

ในที่สุดก็กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับการมาของ All New Honda CRF300L และ Honda CRF300RALLY ที่ได้ปรับเปลี่ยนหลายจุดมากๆ สั้นๆ ก็คือ เบากว่าเดิม เพรียวกว่าเดิม เรือนไมล์ใหม่  ท่อใหม่ เครื่องใหม่ และอื่นๆ อีกมากมายครับ ทีนี่เรามาเริ่มลงลึก รีวิว Honda CRF300L & CRF300RALLY 2 สายลุยอัพเกรดใหม่พร้อมโดด กันเลยดีกว่า

 

หลังจากที่ฮอนด้าซุ่มเงียบเก็บข้อมูลและพัฒนารถมานานกว่า 8 ปี หลายๆ คน อาจจะมองว่านานไปหน่อย แต่ผมว่ามันก็คุ้มค่ากับการรอคอยสำหรับสายลุยแน่นอน นับตั้งแต่ที่ฮอนด้าการที่เปิดตัว CRF250L เป็นครั้งแรก เจ้าโมเดลนี้พอเปิดตัวมาก็ได้รับความนิยมและก็มีการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ อย่างต่อเนื่องมาตลอด

และระหว่างนั้นก็เพิ่ม CRF250RALLY มาให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสายทัวริ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก CRF450RALLY ซึ่งเป็นโมเดลที่ค่ายปีกนกใช้แข่งขันและคว้าแชมป์ในรายการ Dakar RALLY ปี 2020 มาได้

 

ขุมพลังใหม่

เริ่มต้นที่เครื่องยนต์กันก่อน หัวใจหลักของทั้ง 2 โมเดลใหม่นี้อยู่ที่เครื่องยนต์ที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมหลายอย่าง โดยจะเป็นเครื่องยนต์แบบสูบเดียวขนาด 286 ซีซี ลูกสูบเยื้องศูนย์ เพิ่มบาลานซ์เซอร์ลดอาการสั่นจากเครื่องยนต์ พร้อมเพิ่มระยะชักของกระบอกสูบให้ยาวขึ้น ลูกปืนเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ แรงมากขึ้น กำลังและแรงบิดมากกว่าตัว CRF250 ทุกช่วงความเร็ว

มีการเพิ่มระบบคลัตช์แบบแอสซิสต์สลิปเปอร์คลัตช์ที่จะช่วยซับแรงของคลัตช์เวลาเปิดคันเร่งเต็มๆ จะทำให้ไม่เสียจังหวะ ลดแรงกระชากที่เกิดจากเอ็นจิ้นเบรก ทำให้ไม่เกิดอาการล้อล็อค กำคลัตช์และเปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากจากรุ่นพี่อย่าง Africa Twin โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้จะเป็นบล็อกเดียวกันกับ Honda CBR300R เพียงแต่จะแตกต่างกันในส่วนของอัตราทดเกียร์

 

รูปทรง

สำหรับ CRF300L นั้น ไฟหน้ามีการเปลี่ยนให้เป็น LED 3 ดวง ส่วนไฟท้ายยังเป็นหลอดไส้หรือหลอดฮาโลเจนเหมือนเดิม มีการใช้เฟรมใหม่ แผงคอใหม่ ท่อไอเสียออกแบบใหม่พร้อมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมใหม่ ซึ่งเป็นทำให้น้ำหนักตัวรถเบากว่าเดิม 5 กิโลกรัม เหลือเพียง 133 กิโลกรัม แต่ตัวรถมีความแข็งแร็งขึ้น 

ชุดสีดีไซน์ใหม่เหมือนกับรุ่นพี่ อย่าง CRF450R และยังย้ายตำแหน่งหม้อน้ำใหม่จากซ้ายไปขวา เนื่องจากข้อมูลการขับขี่ส่วนใหญ่จะล้มฝั่งซ้ายมากกว่า เพื่อความปลอดภัย ส่วนความจุถังน้ำมันยังคงเท่าเดิม แต่มีการเปลี่ยนฝาถังน้ำมันใหม่ให้เปิดง่ายสะดวกยิ่งขึ้น เบาะใหม่ให้ความกระชับมากขึ้นตอนขับขี่ และเรือนไมล์แบบดิจิทัล ที่แสดงผลครบคันพร้อมชิฟต์ไลต์หรือไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ และไฟบอกเกียร์

ส่วน CRF300RALLY ยังคงมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก CRF450RALLY อาจจะดูไม่ต่างจาก CRF250RALLY เท่าไหร่แต่พอดูไปลึกๆ จริงๆ มีการปรับเปลี่ยนถังน้ำมันใหม่เพิ่มความจุจากเดิมอีก 2.7 ลิตร เป็น 12.8 ลิตร ได้หวดกันยาวๆ และแผ่นรองกันกระแทกใต้ท้องเครื่อง เรือนไมล์ใหม่แบบดิจิทัล ที่แสดงผลครบคันพร้อมชิฟต์ไลต์และไฟบอกเกียร์เช่นกัน 

น้ำหนักก็ลด 5 กิโลกรัม จากการเปลี่ยน เฟรมใหม่ แผงคอใหม่ ท่อไอเสียแบบใหม่ สวิงอาร์มอลูมิเนียมใหม่เช่นเดียวกันรหัส L จนสามารถรีดน้ำหนักเหลือเพียง 150 กิโลกรัมเท่านั้น

 

ช่วงล่าง

เบรกยังคงเป็นเบรกหน้าดิสก์เบรกเดี่ยว คาลิเปอร์เบรก 2 พ็อต และเบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวคาลิเปอร์เบรก 1 พ็อต แต่ทั้งคู่จะแตกต่างกันที่ดิสก์เบรกหน้า CRF300L ดิสก์เบรกหน้า 256 ม.ม. ส่วน CRF300RALLYจะมีขนาด 296 ม.ม. จะใหญ่กว่านิดหน่อย ส่วนระบบกันสะเทือนทั้งคู่เหมือนกันคือ ด้านหน้าเป็นโช้คหน้าหัวกลับขนาด 43มม. และโช้คหลังเป็นโช้คเดี่ยวมาพร้อมกับสวิงอาร์มแบบ Pro-Link

 

ได้เวลาลุย

สำหรับ CRF300L ความรู้สึกแรกเลยเมื่อคร่อมรถก็รู้สึกเลยว่าเบาและเพรียวกว่าตัวเก่า ด้วยน้ำหนักเพียง 138 ก.ก. เส้นทางที่ได้ทดสอบในครั้งนี้จะเป็นแนวเอ็นดูโร่แบบจ๋าๆ เลยทั้งดิน น้ำ หิน ทราย มากันหมด แต่กลับควบคุมได้ง่าย เบาะที่เล็กลง โช้คยุบค่อนข้างเยอะ ทำให้ขี่ง่ายสำหรับมือใหม่ แฮนด์กว้างทำให้ควบคุมได้คล่องแคล่ว สามารถคุมรถได้ไม่เหนื่อยมากเวลาเจออุปสรรคต่างๆ หลุม บ่อ เนิน ลุยได้สบายๆ 

ส่วนอัตราเร่งจากเครื่องยนต์ใหม่ ทำให้ขับขี่ได้สนุกมากขึ้น มันติดมือ เมื่อบวกกับรูปทรงของตัวรถและน้ำหนักของรถ และแรงบิดในรอบต่ำที่สามารถทำได้ดี ลากเกียร์สองได้ยาวๆ สนุกๆ เปิดเป็นมา พร้อมกระแทกคันเร่งเวลาเลี้ยวให้สไลด์ออกได้อย่างไม่ยากเย็น

สำหรับ CRF300RALLY สัมผัสแรกอาจจะรู้สึกกว่ามันดูใหญ่ๆ เนื่องด้วยถังน้ำมันใหม่ มันดูบึกบึนขึ้นต่างจาก 300L อย่างเห็นได้ชัด แต่ใช่ว่าจะลุยไม่ได้ ขี่ยาวๆ ลุยดิน ลุยทราย อาจจะต้องมีทักษะพอสมควร เพราะช่วงล่วงถูกปรับมากันคนละแบบกับ 300L มันถูกปรับมาให้ขี่ทางดำมากกว่า พอเอามาลุยจะรู้สึกดีดๆ และความคล่องตัวจะน้อยกว่าฃ

แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่เหมือนกันก็ทำให้ขับขี่สนุกแรงเหลือๆ ไม่แตกต่างกันมาก แต่ก็มั่นใจด้วยเบรกที่มีจานดิสหน้าที่ใหญ่กว่าทำให้รู้สึกปลอดภัยมากกว่า ซึ่งที่ๆ เหมาะกับเจ้า CRF300RALLY อาจจะเป็นทางไกลๆ ถนนดำมากกว่า

 

สรุป

เจ้า CRF300 Series ทั้งสองคันนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนทั้งเครื่องยนต์ที่แรงขึ้นขับขี่ได้สนุกมากขึ้น โดดเนินได้สบายๆ แถมน้ำหนักตัวรถที่ลดลงอาจจะเห็นตัวเลขว่าลดลงแค่ 5 กก. แต่มันมีผลชัดเจนมากๆ มีความคล่องตัวกว่าเดิมเพรียวกว่าเดิม 

ระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ ที่เพิ่มเติมเข้ามาทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้นอาจจะไม่ได้กระโชกโฮกฮากเหมือนก่อนแต่มีความนุ่มนวลมากกว่า เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการขับขี่ในเส้นทางใหม่ๆ 

รถ CRF300 Series เดิมๆ ก็สามารถขับขี่ได้เลยแค่ร่างกายพร้อม แต่สายซิ่งหรือคนที่ชำนาญมากพอสมควรอาจจะมีการปรับแต่งเปลี่ยนโช้คหลัง เปลี่ยนท่อให้น้ำหนักเบาลงได้อีกและสมรรถนะที่ดีกว่าเดิมหรือจะอัพสเตอร์ใหม่เพื่อความมันก็อาจจะทำให้ขับขี่ได้สนุกมากขึ้น

สำหรับ ราคาค่าตัวของ CRF300 Series

All New Honda CRF300L 145,800 บาท

All New Honda CRF300RALLY 172,200 บาท

และ Honda CRF300RALLY  DIRT ADDICT EDITION  182,900 บาท

สามารถไปชมตัวจริงได้ที่ Honda Wing Center และ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ

Special Thanks:
หมวกกันน็อก Nolan N70-2X หมวกกันน็อกสายทัวริ่งสายลุยครบจบในใบเดียว จากทาง Nolan Helmets Thailand ด้วยนะครับ

สำหรับใครสนใจหมวกกันน็อกแบรนด์ดังจากอิตาลีก็สามารถเข้าไปเลือกซื้อเลือกชมกันได้ที่ www.facebook.com/Nolanthailand

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

 

Exit mobile version